ในปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ในประเทศไทยนั้นมีมากถึง 63.21 ล้านคนต่อปี และมีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นตลอดเวลา โดยผู้คนมักเข้าเว็บไซต์ผ่านอุปกรณ์มือถือ(Mobile)เป็นหลัก ทำให้ในวันนี้ Sixtygram จะพาคุณไปท่องโลกออนไลน์ว่าแท้จริงแล้ว Mobile SEO คืออะไร? และมีความสำคัญอย่างไร? พร้อมแนะนำวิธีการทำ Mobile SEO ให้ถูกใจ Google Bot
Mobile SEO คืออะไร
Mobile SEO คือการปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้เป็นมิตรต่อผู้ชมที่เข้าใช้งานด้วยโทรศัพท์มือถือมากที่สุด ทั้งในด้านความเร็วของการโหลดบนอุปกรณ์มือถือ และการจัดเรียงเนื้อหาที่อ่านผ่านมือถือได้ง่าย ด้วยเว็บไซต์ที่มีการจัดเรียงโครงสร้าง การออกแบบและคุณภาพของเนื้อหาเป็นมิตรต่อผู้ใช้บนโทรศัพท์มากขึ้น Google Bot ก็จะสามารถเข้าถึงและรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งผลให้อันดับบนเครื่องมือค้นหา(SERPs)สูงขึ้นนั่นเอง
ความสำคัญของ Mobile SEO
1. Google จัดอันดับให้ Mobile SEO ก่อน
เนื่องจากสถิติการค้นหาเว็บไซต์บนมือถือในปัจจุบันนั้นสูงกว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่น ทาง Google จึงจัดอันดับให้เว็บไซต์ที่ปรับแต่งและพัฒนาการแสดงผลที่ดีบนหน้าจอมือถือเหนือเว็บไซต์ที่ไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งในปัจจุบัน Google ได้ยึดถือหลักปฎิบัติ “Mobile-first Index” คือการให้ตัวจัดอันดับพิจารณาการจัดเรียงเนื้อหาบนเว็บไซต์เวอร์ชั่นมือถือโดยให้ความสำคัญก่อนเวอร์ชั่นเดกส์ทอปนั่นเอง
2. Mobile SEO ช่วยกระตุ้นยอดขาย
สถิติการค้นหาผ่าน Google Search engines มีการค้นหารีวิวสินค้าบนมือถือเพิ่มถึงขึ้น 35% ในทุกปี โดยเฉพาะการเพิ่ม Keyword ต่อหลังชื่อแบรนด์สินค้าด้วยคำว่า รีวิว…, …รุ่นที่ดีที่สุด, …ดีไหม? เพิ่มขึ้น 80% ในช่วงสองปีหลัง ดังนั้น หากคุณต้องการให้สินค้าของตนได้รับการพิจารณาจากผู้อ่าน การทำ Mobile SEO ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะช่วยผลักดันยอดขายได้
3. Mobile SEO รองรับการค้นหาด้วยเสียง
การค้นหาด้วยเสียงกำลังมีความนิยมมากขึ้นซึ่งสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของการค้นหาผ่านอุปกรณ์มือถือ ซึ่งปัจจุบันนี้ การค้นหาด้วยเสียงไม่ได้อยู่แค่บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอุปกรณ์เสริมที่ใช้อ่านเนื้อหาจากเว็บไซต์ภายในบ้าน เช่น Echo ของ Amazon ซึ่งหมายความว่าผู้คนจะสามารถค้นหาเนื้อหาที่ได้รับการพัฒนาให้อ่านและแปลงเป็นเสียงได้ง่ายจากทุกที่ และการเริ่มใช้ Mobile SEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการค้นหาด้วยเสียงในขณะนี้สามารถสร้างความได้เปรียบคู่แข่งทางการตลาดเนื่องจาก 62% ของนักพัฒนาเว็บไซต์ยังไม่ได้ให้ความสำคัญในส่วนนี้
4. Mobile SEO ช่วยให้เว็บไซต์เร็วขึ้น
อัตราตีกลับของผู้เข้าชมเว๋็บไซต์(Bounce Rate) ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจาก 53% ของผู้ใช้จะปิดหน้าเว็บทิ้งหากใช้เวลาโหลดเนื้อหานานกว่า 3 วินาที ดังนั้น เพื่อรักษาผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่อาจกลายมาเป็นลูกค้าของธุรกิจคุณให้เกิดประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์บนจอมือถือให้ดีมากที่สุด การทำ Mobile SEO เพื่อความรวดเร็วของเว็บไซต์จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ
วิธีเช็คว่าเว็บไซต์รองรับ Mobile SEO
วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดเราแนะนำให้คุณตรวจสอบกับ Google Seach Console ในหน้า Page Experience หรือประสบการณ์จริงที่ผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้รับ ในหน้านี้คุณจะสังเกตได้ว่าควรปรับปรุงอย่างไร เพื่อให้เครื่องมือตัวตรวจสอบของ Google แนะนำวิธีปรับแต่งและแก้ไขเบื้องต้น (ทั้งนี้จะต้องมียอดผู้เข้าชมเว็บไซต์อยู่ประมาณหนึ่งเพื่อให้ระบบรวบรวมข้อมูล)
อีกหนึ่งวิธี หากคุณมีข้อมูลผู้ใช้งานในเว็บไซต์ไม่เพียงพอ เราแนะนำให้ใช้ PageSpeed Insights ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าคะแนนของทางฝั่งมือถือ(Mobile) และ คอมพิวเตอร์และแทปเลต(Desktop) จะแยกกันอย่างชัดเจน ซึ่งภายในหน้า PageSpeed Insights จะมอบคำแนะนำเบื้องต้นในการปรับเว็บไซต์ให้รองรับการทำ Mobile SEO ต่อไป
หนึ่งในอุปสรรคหลักที่ทำให้เว็บไซต์ถูกลดคะแนน Mobile SEO คือความเร็วในการโหลดเนื้อหาบนเว็บไซต์บนหน้าจอมือถือ ซึ่งจะนำไปสู่อัตรา Bounce Rate ดังนั้น การปรับแต่งเนื้อหา ไฟล์ รูปภาพ ให้ขนาดเล็กลง และการใช้โฮสติ้ง เว็บเซริฟเวอร์ที่มีความเร็วรวดจึงเป็นเรื่องสำคัญต่อการทำ Mobile SEO ที่ง่ายและทำได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ
