Amintra

7 กรกฎาคม 2024

Slogan vs Tagline ต่างกันอย่างไร? ทำไมถึงสำคัญต่อการทำแบรนด์

Slogan และ Tagline คือ เครื่องมือสำคัญในการสื่อสารแบรนด์ หรือการทำ Brand Communication แม้ทั้งสองคำจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ วันนี้ Sixtygram จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจความแตกต่างและหาเหตุผลว่าทำไม Slogan และ Tagline จึงมีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

Slogan คืออะไร?

Slogan คืออะไร?

Slogan หรือ สโลแกน คือประโยคสั้น ๆ ที่ใช้เพื่อโปรโมทสินค้า บริการ หรือแคมเปญ มักมีความจดจำง่าย กระชับ และสื่อถึงแก่นของสิ่งที่แบรนด์ต้องการนำเสนอ เป้าหมายหลักของ Slogan คือการดึงดูดความสนใจ สร้างการจดจำ และกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ Slogan มักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับแคมเปญหรือสินค้าที่ต้องการโปรโมทในช่วงเวลานั้นๆ เช่น สโลแกนของ Apple ที่ใช้ในการโปรโมทผลิตภัณฑ์เฉพาะ เช่น The Power to Be Your Best ที่เคยใช้ในการโปรโมท MacBook Pro

วิธีเขียน Slogan (สโลแกน) ที่ดี

  1. กำหนดวัตถุประสงค์การสื่อสารและพัฒนาเนื้อหา
    • ระบุจุดมุ่งหมายหลักในการสื่อสาร โดยพิจารณาประเด็นสำคัญของผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญที่ต้องการเน้นย้ำ จัดทำรายละเอียดของแนวคิดทั้งหมด พร้อมทั้งวิเคราะห์เหตุผลสนับสนุนสำหรับแต่ละองค์ประกอบที่เลือกนำเสนอ
  2. สังเคราะห์ข้อความให้กระชับและตรงประเด็น
    • Slogan ที่มีประสิทธิภาพควรสามารถสื่อสารแนวคิดหลักได้อย่างชัดเจน การใช้ข้อความที่สั้นกระชับจะเพิ่มโอกาสในการสร้างความเข้าใจและการจดจำของกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น จึงควรพยายามลดทอนข้อความให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยยังคงรักษาสาระสำคัญของการสื่อสารไว้อย่างครบถ้วน
  3. ประเมินประสิทธิภาพก่อนการนำไปใช้
    • ก่อนการนำสโลแกนไปใช้งานจริง ควรทำการวิเคราะห์อย่างรอบคอบว่าสโลแกนที่สร้างขึ้นนั้นสามารถสื่อสารถึงความต้องการหรือคุณค่าที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ความสำคัญหรือไม่ ทั้งนี้ เนื่องจากไม่ใช่ทุกสิ่งที่องค์กรนำเสนอจะสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเสมอไป พึงระวังไม่ให้สโลแกนมีลักษณะที่จดจำง่ายหรือมีความคิดสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียว แต่ขาดการสื่อสารถึงคุณค่าที่แท้จริงที่ลูกค้าต้องการ

ตัวอย่าง Slogan(สโลแกน) จากแบรนด์ดัง

  • M150 ไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อย
  • คิดจะพักคิดถึง คิทแคท
  • โอริโอ้ บิดชิมครีมจุ่มนม
  • แลคตาซอย 5 บาท
  • ยาดมตราโป๊ยเซียน ใช้ดมใช้ทาในหลอดเดียวกัน
  • ทุกหยดซ่า โซดาสิงห์

Tagline คืออะไร?

Slogan vs Tagline

Tagline คือประโยคสั้น ๆ ที่ใช้เพื่ออธิบายถึงตัวตนของแบรนด์ สื่อถึงภาพลักษณ์ จุดยืน หรือคุณค่าที่แบรนด์ต้องการสื่อสาร Tagline มักมีความคงที่ ใช้ไปตลอดจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของแบรนด์ เป้าหมายหลักของ Tagline คือการสร้างการจดจำ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแบรนด์ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง จนนำไปสู่การสร้าง Brand Loyalty ที่ดีนั้นเอง

วิธีเขียน Tagline (แท็กไลน์) ที่ดี

  1. วิเคราะห์และสื่อสารอัตลักษณ์แบรนด์
    • ผู้ประกอบการควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับธุรกิจของตน โดยพิจารณาประเด็นสำคัญ ได้แก่ ลักษณะของธุรกิจ วัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง กลุ่มเป้าหมาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ และคุณค่าหลักขององค์กร จากนั้นจึงสังเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดให้เป็นข้อความกระชับที่สามารถสื่อสารได้อย่างครอบคลุม
  2. กลั่นกรองสู่ข้อความสั้นกระชับ
    • พยายามจำกัดความยาวของแท็กไลน์ให้อยู่ในช่วง 3-5 พยางค์ การสรุปใจความสำคัญได้อย่างรัดกุมสะท้อนถึงความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในแบรนด์ของตน อีกทั้งยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใจและจดจำได้ง่าย นอกจากนี้ ควรพิจารณาใช้เทคนิคการเล่นคำที่มีความหมายใกล้เคียงหรือคำพ้องเสียงเพื่อเพิ่มความน่าสนใจและความคิดสร้างสรรค์
  3. ทดสอบประสิทธิภาพกับกลุ่มเป้าหมาย
    • ดำเนินการทดสอบแท็กไลน์กับทั้งบุคลากรภายในองค์กรและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อประเมินการตอบสนอง ความเข้าใจในความหมาย และระดับความน่าสนใจ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้แท็กไลน์ที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์แบรนด์อย่างสมบูรณ์

ตัวอย่าง Tagline จากแบรนด์ดัง

  • Nike – Just Do It.
  • Youtube – Broadcast Yourself.
  • Coca-Cola – Open Happiness.
  • KFC: Finger Lickin’ Good
  • Red Bull: Red Bull Gives You Wings
  • L’Oréal: Because You’re Worth It
  • Apple: Think Different

Slogan vs Tagline ต่างกันอย่างไร?

Slogan vs Tagline ต่างกันอย่างไร?

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง Slogan และ Tagline ซึ่ง Tagline มักสื่อถึงแนวคิดหรือคุณค่าของแบรนด์โดยรวม สะท้อนวิสัยทัศน์ของบริษัท และใช้ในระยะยาว โดยมีความหมายกว้างและลึกซึ้ง ในขณะที่ Slogan มักเฉพาะเจาะจงกับผลิตภัณฑ์หรือแคมเปญนั้นๆ มุ่งเน้นที่คุณสมบัติเฉพาะของสินค้า ใช้ในระยะสั้น และมีความหมายตรงประเด็นเพื่อดึงดูดความสนใจทันที ความแตกต่างนี้สะท้อนถึงวัตถุประสงค์ที่ต่างกันในการสื่อสารแบรนด์ โดย Tagline มุ่งสร้างการจดจำและความภักดีในระยะยาว ส่วน Slogane มุ่งสร้างความสนใจและกระตุ้นการตอบสนองในระยะสั้น

Slogan และ Tagline ความสำคัญต่อการทำแบรนด์

Slogan และ Tagline เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ คำพูดสั้น ๆ เหล่านี้สามารถมีพลังมหาศาลในการดึงดูดความสนใจ สร้างการจดจำ และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า

  1. สร้างการจดจำ: Slogan และ Tagline ที่ดีจะติดอยู่ในใจของผู้บริโภค ช่วยให้พวกเขาจดจำแบรนด์และแยกแยะความแตกต่างจากคู่แข่งได้
  2. สื่อสารแก่นของแบรนด์: Slogan และ Tagline สามารถสื่อสารถึงสิ่งที่แบรนด์ยืนหยัด สิ่งที่แบรนด์มอบให้ และสิ่งที่แบรนด์ต้องการเป็นที่รู้จัก
  3. สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า: Slogan และ Tagline ที่ดีสามารถสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับลูกค้า ช่วยให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์
  4. ส่งเสริมการตัดสินใจซื้อ: Slogan และ Tagline ที่จูงใจสามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ

การประยุกต์ใช้ Slogan และ Tagline ในกลยุทธ์การตลาด

การประยุกต์ใช้ Slogan และ Tagline ในกลยุทธ์การตลาดนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง โดยเริ่มจากการใช้เป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์แบรนด์ ควบคู่ไปกับโลโก้และองค์ประกอบการออกแบบอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในการสื่อสาร นอกจากนี้ การนำ Slogan และ Tagline มาใช้ในสื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ช่วยเสริมสร้างการจดจำและความแข็งแกร่งของข้อความหลักของแบรนด์

ในยุค Digital Marketing การใช้ Slogan และ Tagline เป็นแฮชแท็กในโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้ผู้ติดตามใช้แฮชแท็กดังกล่าว ซึ่งช่วยขยายการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง การนำ Slogan หรือ Tagline มาใช้บนบรรจุภัณฑ์สินค้าก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยสร้างความโดดเด่นและสื่อสารคุณค่าของแบรนด์ ณ จุดขาย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเชื่อมโยงกับแบรนด์ได้ทันทีที่เห็นผลิตภัณฑ์

การใช้ Slogan เป็นแกนหลักในการสร้างแคมเปญการตลาด โดยพัฒนาเนื้อหาและกิจกรรมต่างๆ ที่สอดคล้องกัน ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและการจดจำแบรนด์ในระยะยาว ท้ายที่สุด การใช้ Tagline เป็นแนวทางในการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับคุณค่าและวิสัยทัศน์ของแบรนด์ ช่วยให้พนักงานสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างสอดคล้องและเป็นเอกภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ในระยะยาว

ข้อควรระวังในการสร้าง Slogan และ Tagline

  • การใช้ภาษาที่คลุมเครือหรือเข้าใจยาก: หลีกเลี่ยงการใช้คำที่มีความหมายกำกวมหรือเข้าใจยาก ควรใช้ภาษาที่ชัดเจนและเข้าถึงง่ายสำหรับกลุ่มเป้าหมาย
  • การลอกเลียนแบบคู่แข่ง: พยายามสร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ หลีกเลี่ยงการใช้ Slogan หรือ Tagline ที่คล้ายคลึงกับแบรนด์อื่น
  • การสร้าง Slogan หรือ Tagline ที่ยาวเกินไป: รักษาความกระชับ โดยพยายามสื่อสารแนวคิดหลักในประโยคสั้นๆ ที่จดจำได้ง่าย ย่อให้เหลือ 3-6 พยางค์
  • ความไม่สอดคล้องกับ Beand Value หรือจุดยืนของแบรนด์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Slogan และ Tagline สะท้อนถึงคุณค่าและจุดยืนที่แท้จริงของแบรนด์
  • การใช้คำที่ล้าสมัยหรือไม่เหมาะสมกับยุคสมัย: หลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์หรือวลีที่อาจล้าสมัยหรือไม่เหมาะสมกับบริบทปัจจุบัน
  • การไม่ทดสอบกับกลุ่มเป้าหมาย: ควรทำการทดสอบ Slogan และ Tagline กับกลุ่มเป้าหมายก่อนนำไปใช้จริง เพื่อประเมินการตอบรับและความเข้าใจ
  • การเปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป: หลีกเลี่ยงการเปลี่ยน Tagline บ่อยเกินไป เนื่องจากอาจทำให้เกิดความสับสนและลดความน่าเชื่อถือของแบรนด์
  • การไม่คำนึงถึงความหมายในภาษาอื่น: สำหรับแบรนด์ระดับโลก ควรตรวจสอบความหมายของ Slogan และ Tagline ในภาษาอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดหรือความไม่เหมาะสมทางวัฒนธรรม

การวัดผลในการทำ Slogan และ Tagline

การวัดผลประสิทธิภาพของ Slogan และ Tagline เป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินความสำเร็จของกลยุทธ์การสื่อสารแบรนด์ โดยสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ

การวัดผลเชิงคุณภาพอาจเริ่มจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภค ผ่านการทำแบบสอบถามหรือการสัมภาษณ์เชิงลึก เพื่อประเมินการรับรู้ ความเข้าใจ และความรู้สึกที่มีต่อ Slogan และ Tagline ของแบรนด์ นอกจากนี้ การจัดกลุ่มสนทนา (Focus Group) ก็เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตอบสนองของผู้บริโภคต่อข้อความของแบรนด์

การวัดผลเชิงปริมาณ การติดตามอัตราการจดจำแบรนด์ (Brand Recall Rate) และการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ก่อนและหลังการใช้ Slogan หรือ Tagline สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการสร้างการจดจำ สำหรับแคมเปญออนไลน์ การวิเคราะห์การมีส่วนร่วมบนสื่อสังคมออนไลน์ เช่น จำนวนการแชร์ การกดไลก์ และการใช้แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับ Slogan หรือ Tagline สามารถบ่งชี้ถึงการตอบรับของผู้บริโภคได้

การวัดผลทางการตลาดโดยตรง เช่น การเพิ่มขึ้นของยอดขาย หรือการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดหลังจากการเปิดตัว Slogan หรือ Tagline ใหม่ ก็เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญของประสิทธิภาพ แม้ว่าจะต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย นอกจากนี้ การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการใช้ Slogan หรือ Tagline กับตัวชี้วัดทางธุรกิจอื่นๆ เช่น ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) หรือค่าความนิยมในแบรนด์ (Brand Equity) ก็สามารถให้ภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาว

สุดท้าย การทำ A/B Testing โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Slogan หรือ Tagline ที่แตกต่างกันในกลุ่มผู้บริโภคที่คล้ายคลึงกัน สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเกี่ยวกับว่าข้อความใดที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการสื่อสารคุณค่าของแบรนด์และกระตุ้นการตอบสนองของผู้บริโภค Slogan และ Tagline เครื่องมือสำคัญในการสื่อสารแบรนด์ ควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมและควรมีการวัดผลที่มีประสิทธิภาพควรเป็นกระบวนการต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่า Slogan และ Tagline ยังคงมีประสิทธิภาพในการสื่อสารคุณค่าของแบรนด์และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจในระยะยาว

TAG ที่เกี่ยวข้อง: