หลายท่านคงคุ้นหูกับคำว่า Mood(มู้ด) และ Tone(โทน) กันมาบ้าง แม้ทั้งสองคำจะมีความคล้ายคลึงกันและมักใช้ร่วมกันในงานออกแบบอยู่เสมอ หากแต่มีอะไรบ้าง? และแตกต่างกันอย่างไร? สำหรับความหมายของ Mood and Tone ที่วิธีใช้นั้นแตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ในวันนี้ Sixtygram จึงจะขออาสามาให้คำอธิบายเชิงหลักการในเรื่องนี้กัน
Mood and Tone คือ
ทั้ง Mood และ Tone ต่างถูกใช้เพื่อสร้างแก่นแท้ของความคิดในชิ้นงาน(Main Idea) กล่าวคือ Mood จะบรรยายถึงบรรยากาศและอารมณ์ของชิ้นงาน เช่น มีความสวยสง่าและเยือกเย็น ส่วน Tone ใช้เพื่อแสดงความเห็นส่วนตัวของผู้สร้างสรรค์ผลงาน เช่น วิธีการและลีลาในการเล่าเรื่อง สีสันของภาพ และน้ำเสียงของผู้เขียน เป็นต้น
ความแตกต่างของ Mood vs Tone
- Mood ใช้เพื่อสร้างความรู้สึกและบรรยากาศให้กับผู้อ่าน โดยไม่จำเป็นต้องมีการแสดงความเห็นส่วนตัว
 - Tone ใช้เพื่อสร้างแนวคิด และถือเป็นส่วนเสริมเพื่อให้เข้าใจความคิดเห็นจากผู้สร้าง
 
ความสำคัญของ Mood and Tone
Mood จะคอยทำหน้าที่สื่ออารมณ์หลักและภาพบรรยากาศตลอดการรับชมชิ้นงาน ตั้งแต่อารมณ์ในแง่บวก สนุกสนาน มีชีวิตชีวา ไปจนถึงความโกรธเกรี้ยวและความเศร้าของชิ้นงาน ทั้งนี้ Mood ยังคอยเป็นคู่มือหรือคำแนะนำที่เปรียบเสมือนแผนนำทางที่ถูกต้องในการรับชมผลงานนั้นๆ อีกด้วย

ตัวอย่าง Mood ในคำอธิบายของชิ้นงาน
| Chic – เท่ตามสมัยนิยม | Vivid – โชติช่วง | 
| Gorgeous – สวยเกินบรรยาย | Bold – โดดเด่นห้าวหาญ | 
| Elegant – สวยสง่า | Calm – สงบนิ่ง | 
| Fresh – สดใหม่และสดชื่น | Charming – มีเสน่ห์น่าหลงไหล | 
| Dynamic – มีพลังและฉับไว | Gentle – อ่อนโยนนุ่มนวล | 
| Angry – โกรธ | Graceful – สวยสง่า | 
| Modern – ทันสมัย | Sadness – เศร้าสร้อย | 
| Stylish – มีสไตล์(มีของ) | Bright – เฉลียวฉลาด | 
| Feminine – เฟมินิสต์ | Youthful – เหมือนเป็นวัยรุ่น | 
| Masculine – สมเป็นชายชาตรี | Wild – ป่าเถื่อน ดูดิบเถื่อน | 
หากแต่ Tone(โทน) ในเชิงงานเขียนหรือวรรณกรรมนั้นสื่อถึงน้ำเสียงที่ผู้เขียนในต่อชิ้นงานของตน ซึ่ง Tone สามารถสะท้อนถึงความคิดเห็นและความรู้สึกของตัวละครในวรรณกรรมนั้น ๆ ได้ โดยถ่ายทอดผ่านการเลือกคำที่ใช้ เครื่องหมายวรรคตอน โครงสร้างและลำดับขั้นของการเล่าเรื่องราว

ตัวอย่าง Tone ในงานเขียน
| Formal – เป็นทางการ | Assertive – แน่วแน่ อาจหาญ | 
| Informal – ไม่เป็นทางการ | Humorous – ชวนหัวเราะ | 
| Professional – มืออาชีพเขียน | Sympathetic – ตื่นเต้น | 
| Friendly – เป็นมิตร | Confident – มั่นใจ | 
| Persuasive – โน้มนาวจิตใจ | Urgent – ร้อนใจ เร่งด่วน | 
TONE ในงานออกแบบ
Tone ในแง่ของผลงานออกแบบถูกใช้ในแง่เฉดสี เช่น ความสว่างหรือความมืด ความเข้มหรือความอ่อนของสีที่ถูก ตลอดไปจนถึงความลึกและตื้นของแต่ละชิ้นงาน Tone สีถูกใช้ให้ปรากฎในชิ้นงานเพื่อสร้างทั้งอารมณ์ร่วมและสื่อความหมายให้แก่ผู้พบเห็น เช่นที่เราได้เห็นตามสื่อภาพยนต์มากมาย

ตัวอย่าง Tone สีในงานออกแบบ
| Pastel Tone #ffd1dc  | 
      Bold Tone #ff0000  | 
      Neutral Tone #f5f5dc  | 
      Vibrant Tone #00ff00  | 
      Monochrome Tone #808080  | 
    
| Earthy Tone #8b4513  | 
      Metallic Tone #c0c0c0  | 
      Romantic Tone #ffc0cb  | 
      Minimalist Tone #ffffff  | 
      Futuristic Tone #6b52ae  | 
    
สรุป
โดยทั่วไป ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานมักจะมีการใช้ Mood เพื่อสร้างบรรยากาศและอารมณ์ให้กับผู้อ่าน ร่วมกับการใช้ Tone เพื่อแสดงความเห็นส่วนตัวเพื่อปฎิสัมพันธ์กับเนื้อหาที่ถูกนำเสนอไปในชิ้นงานนั้นๆ เสมอ ซึ่งทั้ง Mood and Tone นี้มีบทบาทสำคัญในการสื่อสารความคิดและเสนอเรื่องราวให้กับผู้พบเห็นได้อย่างชัดเจนและเข้าใจในแง่ทุกแง่มุมทั้งบรรยากาศและเหตุผลของผู้สร้างสรรค์ผลงาน








