ในวันนี้ เรา Sixtygram บริษัทเอเจนซี่การตลาด จะชวนคุณมาไขความลับของ Keyword(คีย์เวิร์ด) เพื่อการใช้งานที่ถูกต้องและจะทำให้คุณค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างถูกหลักการยิ่งขึ้น ซึ่งหากคุณเป็นนักการตลาดหรือผู้ที่สนใจทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ การรู้จักใช้ Keyword แต่ละประเภทจะสามารถช่วยเพิ่มโอกาศในแคมเปญการตลาดที่คุณกำลังสร้างได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
Keyword คืออะไร
Keyword(คีย์เวิร์ด) คือคำหรือประโยคที่ใช้ในการค้นหาหรือจับคู่กับเนื้อหาที่จะแสดงผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องเมื่อคุณใช้ค้นหา โดยในปัจจุบัน Keyword ได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, Shopee Tiktok และอื่น ๆ ซึ่งนอกเหนือจากที่เรามักใช้ Keyword เพื่อค้นหาใน Search Engine อย่าง Google เพียงอย่างเดียวเช่นในอดีต
โดยทั่วไปแล้ว Keyword ที่ผู้คนมักนิยมค้นหาจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
1. Shorttail Keywords หรือ Keyword หลัก คือ Keyword ที่ใช้สำหรับการค้นหาผลลัพธ์ในแบบกว้างและมีปริมาณผู้ค้นหาต่อวันที่สูง ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกับ Longtail Keyword ที่จะมีความเฉพาะเจาะจงสูงกว่าและมีปริมาณผู้ค้นหาต่ำกว่า
2. Longtail Keyword คือ Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง ลงรายละเอียดและสื่อความหมายชัด แต่มีปริมาณการค้นหาไม่สูง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ Search สามารถค้นหาสินค้าของคุณได้ง่ายขึ้นกว่า Keyword ทั่ว ๆ ไปที่ไม่มีความเฉพาะเจาะจง
การเข้าใจถึงความแตกต่างของ Keyword ทั้งสองแบบ และวิเคราะห์ได้ว่าเป็น Keyword แบบใดผ่าน SEO Tools จะทำให้คุณสามารถประเมิณได้ว่าควรใช้คำค้นหา(Keyword)แบบใด และควรใช้ในสถาการณ์แบบใดเพื่อให้พบผลลัพธ์ที่ต้องการตามเจตนาที่แท้จริงในทุกครั้งที่ค้นหาเนื้อหาในโลกออนไลน์
ประเภทของ Keyword
การเข้าใจประเภทของ Keyword ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้ Keyword เพื่อการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ Keyword แต่ละประเภทสะท้อนถึงความตั้งใจ(Intent) ที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน การรู้ว่าผู้ใช้กำลังค้นหาอะไรและมีจุดประสงค์อย่างไร จะช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว Keyword สามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภทหลักตามลักษณะความตั้งใจของผู้ใช้ในการค้นหา ดังนี้
1. คีย์เวิร์ดเพื่อหาข้อมูล(Informational Keywords)
Informational Keywords เป็นคีย์เวิร์ดประเภทแรกที่พบได้มากที่สุดในผลลัพธ์ของการค้นหาทั้งหมด โดยจะเป็นคำค้นหาที่ผู้ค้นหาใช้เมื่อต้องการค้นหาข้อมูลหรือคำตอบสำหรับคำถามที่สงสัย มักจะเริ่มต้นด้วยคำถามพื้นฐานอย่าง “อะไร” “ทำไม” “อย่างไร” เพื่อหาคำตอบหรือความรู้ในเรื่องที่สนใจ ผลลัพธ์ที่ได้มักจะเป็นบทความ วิดีโอ หรือคู่มือที่มีเนื้อหาให้ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อที่ค้นหา เช่น “SEO คืออะไร” “วิธีทำการตลาดออนไลน์” หรือ “ทำไมต้องทำ SEO” เป็นต้น
2. คีย์เวิร์ดตัวนำทาง(Navigational Keywords)
คีย์เวิร์ดประเภทนี้ใช้เมื่อผู้ใช้ต้องการค้นหาเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเพจใดในเว็บหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง หรือเป็นการค้นหาที่มีจุดประสงค์ชัดเจนในการต้องการไปยังเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่งโดยตรง เช่น “Facebook login” “Gmail เข้าสู่ระบบ” หรือ “YouTube หน้าหลัก” ซึ่งผู้ใช้มักจะรู้จักแบรนด์หรือเว็บไซต์นั้นๆ อยู่แล้ว และต้องการเข้าถึงหน้านั้น ๆ ของเว็บไซต์โดยตรง
3. คีย์เวิร์ดทำเงิน (Commercial Keywords)
Commercial Keywords หรือที่เราเรียกกันว่า “คีย์เวิร์ดทำเงิน” กล่าวคือการใช้คีย์เวิร์ดประเภทนี้แสดงถึงความตั้งใจของผู้ค้นหาในความต้องการซื้อสินค้า หรือ เปรียบเทียบสินค้าหรือบริการก่อนตัดสินใจสั่งซื้อ ทั้งยังเป็นการค้นหาที่สามารถบ่งบอกว่าผู้ใช้มีแนวโน้มจะสั่งซื้อหรือใช้บริการในอนาคต ซึ่งถือเป็นประเภทคีย์เวิร์ดที่สำคัญอย่างยิ่งเมื่อต้องใช้ข้อมูลคีย์เวิร์ดเหล่านี้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพสูง(Lead)ให้แก่ธุรกิจ โดยเนื้อหาที่แสดงผลเมื่อค้นหาจากคีย์เวิร์ดทำเงินมักจะเป็นบทความนำเสนอเนื้อหาเปรียบเทียบสินค้า บทความรายการสินค้า รีวิวสินค้าและบริการ หรือบทความแนะนำวิธีการต่างๆ ขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดทำเงินนั้น ๆ เช่น “รองเท้าวิ่ง” หรือ “รองเท้าวิ่งราคาไม่เกิน 2,000” หรือ “รองเท้าวิ่งมาราธอน” เป็นต้น
4. คีย์เวิร์ดเพื่อทำรายการสั่งซื้อ (Transactional Keywords)
คีย์เวิร์ดประเภทนี้แสดงถึงความพร้อมของผู้ใช้ในการทำธุรกรรมหรือการซื้อสินค้า การค้นหาเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากที่คนได้ค้นหาข้อมูล ตัดสินใจแล้ว และมุ่งมั่นที่จะดำเนินการเฉพาะหรือทำการซื้อ ตัวอย่างเช่น เมื่อค้นหา “ซื้อรองเท้าออนไลน์” คุณจะเห็นว่าผลการค้นหาอันดับต้นๆ เป็นเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์(E-Commerce)ที่คุณสามารถซื้อรองเท้าวิ่งได้โดยตรง
5. คีย์เวิร์ดของแบรนด์(Branded Keywords)
คีย์เวิร์ดประเภทแบรนด์เป็นคำค้นหาที่มีชื่อบริษัทหรือชื่อผลิตภัณฑ์รวมอยู่ในคำที่ใช้ค้นหาทั้งหมด ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับแบรนด์โดยเฉพาะ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์นั้นๆ ได้ง่ายเมื่อค้นหาผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ คีย์เวิร์ดของแบรนด์ ในเครื่องมือ SEO บางแห่งอาจจัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันกับคีย์เวิร์ดตัวนำทาง เนื่องจากผู้ค้นหา Keyword แบรนด์มักมีความต้องการเข้าถึงเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์นั้นจากคีย์เวิร์ดประเภทนี้เสมอ เช่น “รองเท้าวิ่ง Nike(ส่วนหนึ่งของ Nike)” หรือ “Google Analytics”(ส่วนหนึ่งของ Google) หรือ “Facebook Business Manager“(ส่วนหนึ่งของ Meta) เป็นต้น
6. Local Keywords (คีย์เวิร์ดเชิงพื้นที่)
Local Keywords มักถูกใช้เมื่อผู้ค้นหากำลังมองหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เฉพาะนั้น ๆ หรือบริการในบริเวณใกล้เคียง เป็นการค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจงทางภูมิศาสตร์ ซึ่งมักจะรวมชื่อเมือง ชื่อย่าน หรือคำเรียกพื้นที่เฉพาะ เช่น “คอนโด พระราม9” หรือ “ที่จอดรถ บรรทัดทอง” เป็นต้น และสำหรับคำที่ผู้คนมักพิมพ์เพิ่มเมื่อค้นหาบ่อยที่สุดอีกหนึ่งตัวอย่างสำหรับ Local Keywords ย่อมเป็น Keyword “ใกล้ฉัน” ที่ในปัจจุบัน เมื่อเราจะค้นหาร้านอาหารสักร้าน หรือ ปั้มน้ำมันขณะฉุกเฉินก็มักจะใช้กัน เช่น “ร้านข้าวมันไก่ ใกล้ฉัน” หรือ “ปั้มน้ำมัน ใกล้ฉัน” หรือ “คาเฟ่ใกล้ฉัน” เป็นต้น
