Nattapat

8 พฤษภาคม 2025

Webpage คืออะไร?

ในการทำความเข้าใจโลกของเว็บไซต์ หนึ่งในคำที่หลายคนมักสับสนคือคำว่า Webpage(หน้าเว็บ) กับ Website(เว็บไซต์) ซึ่งแม้ทั้งสองคำนี้จะเกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่ก็มีบทบาทและความหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนสร้างเว็บไซต์ให้ธุรกิจหรือแบรนด์ของคุณ การเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ

Webpage vs Website ต่างกันอย่างไร?

webpage vs website

Webpage(เว็บเพจ) หรือ หน้าเว็บ คือเอกสารหนึ่งหน้าเดียวที่แสดงผลได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ เช่น Chrome หรือ Safari โดยใช้ภาษา HTML เพื่อจัดโครงสร้างและลำดับการแสดงผล โดยหน้าเว็บเพจหนึ่งหน้าสามารถมีได้ทั้งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ ปุ่มลิงก์ และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้โต้ตอบหรือเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายที่สุด

ขณะที่ Website หรือ เว็บไซต์ คือการรวมกันของหลายหน้าเว็บภายใต้โดเมนเดียว เช่น www.sixtygram.com โดยภายในเว็บไซต์หนึ่งอาจมีหน้าหลัก หน้าบริการ(/บริการ) เกี่ยวกับ(/เกี่ยวกับเรา) หน้าบทความ(/บทความ) และหน้าติดต่อเรา(/contact) เป็นต้น เว็บไซต์จึงคล้ายกับหนังสือที่มีหลายหน้า ซึ่งแต่ละหน้าก็คือ Webpage แต่ละหน้านั่นเอง

สรุปสั้น ๆ ได้ว่า

  • Webpage = หน้าเดียว
  • Website = การรวมกลุ่มของหลาย ๆ หน้าเว็บเพจ(Webpage)

ดังนั้น หากคุณใช้บริการรับทำเว็บไซต์ หากบริษัทแจ้งว่าจัดทำให้ไม่เกิน 10 เพจ นั้นจึงหมายความได้ว่า ในสัญญาจ้างบริการทำเว็บไซต์คือคุณจะได้รับ 10 หน้าที่อยู่ใน 1 เว็บไซต์ที่ถูกว่าจ้าง เป็นต้น

Webpage คืออะไร?

Webpage

Webpage หรือหน้าเว็บ คือเอกสารดิจิทัลหนึ่งหน้าที่สามารถเปิดดูผ่านอินเทอร์เน็ตได้ โดยแต่ละหน้าจะมี URL เฉพาะของตัวเอง เช่น www.sixtygram.com/about ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลเฉพาะจุดได้อย่างรวดเร็ว โดยหน้าเว็บถูกสร้างขึ้นด้วยภาษา HTML (และภาษาประกอบอื่น ๆ เช่น CSS หรือ JavaScript) และสามารถแสดงเนื้อหาได้หลากหลาย เช่น ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และลิงก์เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆ

ทั้งนี้ หน้าเว็บเพจสามารถสร้างได้ทั้งแบบใช้ เว็บไซต์สำเร็จรูป เช่น Wix หรือ WordPress ที่ไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ด หรือจะสร้างแบบ เขียนโค้ดเอง (Hard Code) ก็ได้เช่นกัน โดยหน้าเว็บเพจแรกของโลกถูกสร้างขึ้นในปี 1991 โดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อ Tim Berners-Lee ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของเว็บอินเทอร์เน็ตที่เราใช้งานกันในทุกวันนี้

ส่วนประกอบของหน้าเว็บเพจ(Webpage)

ส่วนประกอบ webpage

หน้าเว็บเพจหนึ่งหน้าไม่จำเป็นที่จะต้องมีแค่ข้อความ(Text)เพียงอย่างเดียว แต่อาจประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลายส่วนที่ช่วยให้การแสดงผลและการใช้งานมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้เข้าชม โดยองค์ประกอบหลักที่พบได้ทั่วไปในหน้าเว็บ ได้แก่

  • Title: ชื่อของหน้าเว็บที่แสดงบนแถบเบราว์เซอร์ และมักปรากฏในผลการค้นหาของ Google ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจก่อนคลิกเข้ามา
  • Headline: หัวข้อหลักของหน้า(H1) มักอยู่ด้านบนสุด เพื่อดึงดูดความสนใจ และบอกให้รู้ว่าเนื้อหานี้เกี่ยวกับอะไร
  • Body: ส่วนเนื้อหาหลักของหน้า อาจประกอบด้วยข้อความ หัวข้อ(H2) รายการ(List) ข้อมูลประกอบ หรือคำอธิบายต่าง ๆ
  • Images & Videos: สื่อมัลติมีเดียที่ใช้ประกอบเนื้อหา ช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นและเพิ่มความน่าสนใจ
  • Links: ลิงก์เชื่อมโยงไปยังหน้าอื่นภายในเว็บไซต์หรือเว็บไซต์ภายนอก เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลต่อได้สะดวก
  • Navigation: เมนูนำทางหรือแถบเมนู ช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถเข้าถึงหน้าอื่น ๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว

ประเภทของเว็บเพจ

เว็บเพจ (Webpage) ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่สามารถแบ่งออกได้หลากหลายประเภทตามจุดประสงค์ของการใช้งาน เนื้อหาที่นำเสนอ และลักษณะการโต้ตอบของผู้ใช้งาน โดยการเลือกประเภทของเว็บเพจให้เหมาะสมกับเป้าหมายของเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญต่อประสบการณ์ผู้ใช้ และประสิทธิภาพของเว็บไซต์โดยรวมเป็นหลัก

types of webpage

โดยเว็บเพจที่เป็นที่นิยมและมักพบได้บ่อยมักจะมีองค์ประกอบ 5 หน้าในเว็บเพจเสมอ อันได้แก่

1. หน้าแรก (Homepage) ซึ่งทำหน้าที่เป็นประตูหลักของเว็บไซต์ มีบทบาทในการสื่อสารภาพรวมของแบรนด์ และเชื่อมโยงผู้ใช้งานไปยังส่วนต่าง ๆ ผ่านเมนูนำทาง โดยมักออกแบบให้มีความชัดเจน เรียบง่าย และครอบคลุมเนื้อหาสำคัญ

2.หน้าแนะนำสินค้า (Product Page) คือเว็บเพจที่ใช้แสดงรายละเอียดสินค้า บริการ หรือข้อเสนอพิเศษ เหมาะสำหรับเว็บไซต์ E-Commerce หรือบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ซึ่งหน้าเหล่านี้มักเป็นหน้าแบบ Dynamic ที่อัปเดตข้อมูลอยู่เสมอ และมีฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบตะกร้าสินค้า ปุ่มสั่งซื้อ และระบบรีวิว

3. หน้าเกี่ยวกับเรา (About Us Page) เป็นตัวอย่างของหน้า Static ที่เนื้อหาไม่เปลี่ยนบ่อย ใช้สำหรับอธิบายประวัติองค์กร วิสัยทัศน์ ค่านิยม หรือทีมงาน เพื่อสร้างความไว้วางใจและเชื่อมโยงอารมณ์กับผู้ใช้งาน

4. หน้า Landing Page ซึ่งมักเป็นเว็บเพจเฉพาะกิจที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป้าหมายทางการตลาด เช่น การเก็บรายชื่อผู้สนใจ การโปรโมตแคมเปญ หรือการกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการบางอย่าง เช่น ลงทะเบียน ดาวน์โหลด หรือซื้อสินค้า โดยเน้นการออกแบบเรียบง่าย กระชับ และมีปุ่ม CTA ชัดเจน

5. หน้าบทความหรือบล็อก (Blog Page) ที่ใช้สำหรับเผยแพร่เนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ เช่น ข่าวสาร ความรู้ รีวิว หรือแนวคิดในเชิงลึก ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังช่วยเสริมทำ SEO ให้เว็บไซต์ได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ยังมีประเภทอื่นที่พบในเว็บไซต์ที่ต้องการมีฟีเจอร์เฉพาะทางอื่น ๆ เช่น หน้าแสดงกิจกรรม (Event Page) สำหรับประชาสัมพันธ์งานอีเวนต์, หน้าคอร์สหรือบทเรียน (Educational Page) สำหรับเว็บไซต์การศึกษา หรือ หน้าเฉพาะสมาชิก (Membership Page) ที่เปิดให้เข้าถึงได้เฉพาะผู้ใช้งานที่ลงทะเบียนหรือจ่ายเงินเท่านั้น

การออกแบบและเลือกใช้ประเภทของเว็บเพจให้เหมาะสม จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของดีไซน์ แต่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การสื่อสาร การตลาด และการพัฒนาเว็บไซต์ในภาพรวม หากวางโครงสร้างให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้น ก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจข้อมูลได้ง่ายขึ้น และทำให้เว็บไซต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

เว็บไซต์แบบหน้าเดียวกับหลายหน้า (Single-page vs Multi-page)

การออกแบบเว็บไซต์มี 2 รูปแบบหลักที่พบได้ทั่วไป ที่เกี่ยวข้องกับการใช้จำนวนเว็บเพจ คือ เว็บไซต์แบบหน้าเดียว (Single-page) และ เว็บไซต์แบบหลายหน้า (Multi-page) ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและความเหมาะสมที่ต่างกัน

Single page vs Multi page

เว็บไซต์แบบหน้าเดียว (Single-page) จะรวมเนื้อหาทั้งหมดไว้ในหน้าเพจเดียว บางครั้งถูกเรียกว่า เซลเพจ(Sale Page) ที่ผู้ใช้งานสามารถเลื่อนดูข้อมูลจากบนลงล่างได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องคลิกเปลี่ยนหน้า เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กที่มีเนื้อหาไม่มาก เช่น พอร์ตโฟลิโอ คลินิคความงาม ร้านกาแฟ หรืองานบริการในพื้นที่ เน้นความเรียบง่าย โหลดเร็ว และใช้งานสะดวกผ่านมือถือ

ในขณะที่ เว็บไซต์แบบหลายหน้า (Multi-page) จะกระจายเนื้อหาออกเป็นหลายหน้า เช่น หน้าแสดงสินค้า หน้ารีวิวลูกค้า หน้าสมัครงาน หรือหน้าบทความ เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่มีเนื้อหาหลากหลาย และต้องการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังรองรับกลยุทธ์ SEO ได้หลากหลายมากกว่า เพราะแต่ละหน้าเว็บสามารถใส่คีย์เวิร์ดและตั้งเป้าหมายการค้นหาเฉพาะทางได้ต่างกัน

ทำไมการแยก Webpage กับ Website ให้ชัดจึงสำคัญ?

does having a website still matter

การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Webpage (หน้าเว็บ) และ Website (เว็บไซต์) ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเทคนิค แต่ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของเว็บไซต์ในแง่ของ SEO (Search Engine Optimization) เพราะในทางเทคนิค Google ไม่ได้จัดอันดับเว็บไซต์ทั้งเว็บ แต่จัดอันดับ “หน้าเว็บเพจ” ทีละหน้าเสมอ ซึ่งหมายความว่า แต่ละ Webpage ควรมีคีย์เวิร์ดเป้าหมาย และมีการปรับแต่งเนื้อหา (On-page Optimization) ให้สอดคล้องกับการค้นหาของผู้ใช้งาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบนผลการค้นหา

นอกจากนี้ การควบคุมว่าหน้าไหนควรถูกจัดอันดับหรือหน้าไหนไม่ควรแสดงใน Google ได้ เช่น หน้าขอบคุณหลังลงทะเบียน หรือหน้าทดสอบต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์โดยรวม

สรุป

Webpage คือองค์ประกอบพื้นฐานของ Website ทุกหน้าเว็บมีบทบาทเฉพาะตัว และการจัดวางเนื้อหาบนแต่ละหน้าคือหัวใจของประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX) และกลยุทธ์ด้าน SEO การทำความเข้าใจตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานนี้ จะช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เข้าถึงง่าย และตอบโจทย์ทางธุรกิจได้จริง