AMINTRA

16 กุมภาพันธ์ 2024

SEO กับ SEM แตกต่างกันอย่างไร

การทำธุรกิจผ่านโลกออนไลน์สามารถเริ่มต้นได้อย่างดียิ่งขึ้นหากคุณรู้จักใช้เครื่องมือให้ถูกต้อง ซึ่งหมายความว่าเครื่องมือค้นหาเช่น Google และ Bing นั้นยอดเยี่ยมในการแสดงผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณต่อหน้าผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า และ “เว็บไซต์” ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เปรียบเสมือนหน้าร้านบนโลกออนไลน์ การทำ SEO กับ  SEM จึงสำคัญอย่างมาก แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าทั้งสองอย่างนี้เหมือนกันหรือแตกต่างกัน? แม้ว่าจะชื่อจะคล้ายกันแตวิธีการใช้งานอาจจะแตกต่างกัน วันนี้พวกเรา Sixtygram จะพาคุณไปสำรวจว่า SEO กับ SEM แตกต่างกันอย่างไร!

SEO

SEO ย่อมาจาก “Search Engine Optimization” ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา พูดง่ายๆ ก็คือ SEO หมายถึงกระบวนการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณเพื่อเพิ่มการมองเห็นในระบบค้นหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google, Microsoft Bing, Facebook และเครื่องมือค้นหาตามเว็บไซต์ใดๆก็ตามเมื่อมีคนค้นหาตามถ้อยคำ (Keyword) ยิ่งหน้าเว็บของคุณปรากฏในผลการค้นหาได้ดียิ่งขึ้นเท่าใด ตามอันดับของผลการค้นหา(Ranking) คุณก็จะมีโอกาสถูกพบเห็นและเพิ่มโอกาศให้ลูกค้าคลิกเข้าชมมากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว เป้าหมายของการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาด้วย SEO คือการช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่จะกลายเป็นลูกค้า หรือผู้ชมที่กลับมาพิจารณาเพื่อสั่งซื้อหรืออ่านเนื้อหาของคุณมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนำไปสู่การปิดการขายในที่สุด อ่านความหมายของ SEO

SEM

SEM ย่อมากจาก “Search Engine Marketing” คือ การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา (SEM) เป็นกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลที่เพิ่มการมองเห็นเว็บไซต์ในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา (SERP) โดยใช้การโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่าย เรียกอีกอย่างว่าการตลาดผ่านการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่ายหรือจ่ายต่อคลิก (PPC) โดยทั่วไป SEM เกี่ยวข้องกับการใช้แคมเปญโฆษณาในการค้นหาที่เสียค่าใช้จ่าย เช่น Google AdWords เพื่อแสดงโฆษณาที่ด้านบนหรือด้านล่างของหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหา โฆษณาเหล่านี้สร้างขึ้นจากคำหลักเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือเนื้อหาที่นำเสนอ กลยุทธ์นี้เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ เพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ และสร้างโอกาสในการขาย

คุณอาจสังเกตเห็นคำจำกัดความที่แตกต่างกันของ SEM ทั่วทั้งเว็บ หรือบางที่จะกำหนดให้ SEM เป็นการตลาดแบบชำระเงินเท่านั้น ในขณะที่แหล่งข้อมูลอื่นๆ ระบุว่า SEM มีทั้งกลยุทธ์การตลาดแบบออร์แกนิกและแบบชำระเงิน ไม่มีคำอธิบายใดที่ “ผิด” แต่อย่างใด – มีหลายคำจำกัดความ ขึ้นอยู่กับผู้เขียนหรือสิ่งพิมพ์ ในแหล่งข้อมูลนี้ เราจะอธิบายประเภท ประโยชน์ และวิธีการวัดความสำเร็จของ SEM ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาแบบชำระเงิน โดยในการทำ PPC ผู้ทำจะต้องประมูลคีย์เวิร์ดเพื่อที่จะให้โฆษณาปรากฎเมื่อมีการค้นหาใน Search Engine โดยโฆษณาจะแสดงที่ตำแหน่งใดนั้น จะถูกกำหนดโดยค่าประมูลที่เรียกว่า Max. CPC หรือ Maximum Cost Per Click

ประเภทของ SEM

เมื่อคุณค้นหาคำหลักใน Google หรือเครื่องมือค้นหาอื่น SERP จะแสดงผลลัพธ์ที่ประกอบด้วยทั้งผลลัพธ์ทั่วไปและโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่าย โฆษณามีหลายรูปแบบ และโดยทั่วไปเครื่องมือค้นหาจะระบุว่าผลลัพธ์ใดเป็นโฆษณาแบบชำระเงิน เช่น

1. การค้นหาผ่านการโฆษณา (Search Ads)

1. การค้นหาผ่านการโฆษณา (Search Ads)

2. โฆษณาผ่านรูปภาพหรือแบนเนอร์ (Display Ads)
โฆษณาแบบรูปภาพ คือ โฆษณาแบบรูปแบบนึงที่ปรากฏบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน โฆษณาเหล่านี้ช่วยให้คุณเป็นที่หนึ่งในใจโดยเข้าถึงผู้ชมของคุณในขณะที่พวกเขาเรียกดูไซต์และแอปที่พวกเขาชื่นชอบ ไซต์และแอปเหล่านี้ดึงมาจากเครือข่ายดิสเพลย์ของ Google (GDN) ซึ่งเป็นกลุ่มของเว็บไซต์ วิดีโอ และแอปมากกว่า 2 ล้านรายการที่โฆษณาของคุณสามารถปรากฏได้

2.  โฆษณาผ่านรูปภาพหรือแบนเนอร์ (Display Ads)

3. โฆษณารายการสินค้า (Shopping Ads)
โฆษณา Shopping คือ รายการสินค้าที่ปรากฏที่ด้านบนของ SERP สำหรับการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังปรากฏในแท็บ Google Shopping และโดยทั่วไปจะมีรูปภาพผลิตภัณฑ์ ราคา และลิงก์ไปยังหน้าผลิตภัณฑ์

3. โฆษณารายการสินค้า (Shopping Ads)

4. โฆษณาใกล้คุณ (Local Service Ads)
โฆษณาใกล้คุณ หรือจัดการบริการใกล้คุณจะปรากฏที่ด้านบนของ SERP สำหรับธุรกิจในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับคำสำคัญที่ผู้ใช้ค้นหา โดยทั่วไปจะประกอบด้วยชื่อธุรกิจ บทวิจารณ์ เมือง หมายเลขโทรศัพท์ เวลาทำการ และอื่นๆ

4. โฆษณาใกล้คุณ (Local Service Ads)

SEO กับ SEM แตกต่างกันอย่างไร

ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่าง SEO กับ SEM ก็คือ ความพยายามในการโฟกัสคีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรองของ SEO ส่งผลให้ปรากฏในผลการค้นหาทั่วไป และความพยายามของ SEM ส่งผลให้ปรากฏในผลลัพธ์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ความคล้ายคลึงกันระหว่าง SEO และ SEM คือทั้งสองกลยุทธ์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจโดยดึงดูดปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณจากเครื่องมือค้นหาได้ เป็นการเพิ่มยอดกำไรของคุณได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบออแกนิกหรือรูปแบบที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

SEOSEM
ยอดค้นหา และยอดคลิกเป็น Organic ไม่เสียค่าใช้จ่ายยอดค้นหา และยอดคลิกเป็นเสียค่าใช้จ่าย
สร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจกับธุรกิจในระยะยาวโปรโมตระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เน้น Content ที่มีคุณภาพ ผ่านการวิเคราะห์คู่แข่งสามารถเปลี่ยน Keyword ได้ตลอดเวลา
ใช้เวลา 3-5 เดือน ในการไต่แรงค์ เพื่อติดอันดับ Googleจำเป็นจะต้องประมูล แข่งขันเรื่องการซื้อ Keyword
ต้องอัปเดตคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แสดงผลให้หน้าแรกของการค้นหาเมื่อจ่ายเงินโปรโมตมากเกินไปอาจะทำให้ความน่าเชื่อถือลดน้อยลง

สรุปแล้วเลือกการตลาดแบบไหนดี?

เป้าหมาย: ท้ายที่สุด เป้าหมายของคุณกับกลยุทธ์การตลาดดิจิทัลคือการเพิ่ม Conversion ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ ดาวน์โหลด กรอกแบบฟอร์ม หรือดำเนินการตามที่คุณต้องการ

ระยะเวลา: SEO เป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพทางเทคนิคทั้งในเพจ นอกเพจ และในทางเทคนิค อาจต้องใช้เวลาก่อนที่จะได้ผลลัพธ์ และคุณไม่สามารถควบคุมได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้เร็วแค่ไหน อย่างไรก็ตาม SEM สามารถสร้างผลลัพธ์ที่รวดเร็วและให้การควบคุมแคมเปญได้ดียิ่งขึ้น มันสามารถนำไปสู่การเข้าชมและการเปลี่ยนแปลงได้ทันที

งบประมาณ: แม้ว่าการทำ SEO จะไม่เสียค่าใช้ แต่ SEO ต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการดำเนินการและบำรุงรักษา ขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมและคู่แข่งของคุณ อย่างไรก็ตาม SEO มีผลกระทบระยะยาวซึ่งสามารถขับเคลื่อนปริมาณการเข้าชมและการเปลี่ยนแปลงได้อย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน SEM อาจมีราคาแพงกว่าในระยะยาว เนื่องจากต้องมีการลงทุนซ้ำเพื่อจ่ายค่ารับส่งข้อมูล

หากคุณมีเวลาแต่มีงบประมาณจำกัด การเน้นที่ SEO อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หากคุณต้องการผลลัพธ์เร่งด่วนและ/หรือมีงบประมาณมากขึ้น การมุ่งเน้นไปที่ SEM อาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไป การผสมผสานระหว่าง SEO และ SEM จะมีประสิทธิภาพในการเพิ่มการมองเห็นการค้นหา เพิ่มปริมาณการเข้าชม และเพิ่ม Conversion ดังนั้นแล้ว คำตอบเราควรเลือกทำการตลาดแบบไหน? คำตอบอาจจะขึ้นอยู่กับคุณ แต่เราขอแนะนำสั้นๆ ว่าเลือกทั้งคู่! เนื่องจากการรวมกลยุทธ์ SEO และ SEM เข้าด้วยกันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจระยะสั้นและระยะยาว กลยุทธ์ SEO ที่ครอบคลุมและยั่งยืนถือเป็นสิ่งสำคัญ ในขณะที่ SEM เป็นวิธีระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูดธุรกิจ ในขณะที่คุณทำงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพทางเทคนิค เนื้อหา และลิงก์ของเว็บไซต์ หรือปรึกษาเราได้โดยตรงเพื่อกำหนดทิศทางธุรกิจของคุณให้ใกล้เป้าหมายมากขึ้น!

TAG ที่เกี่ยวข้อง:
admin
ผู้เขียน AMINTRA CHAIPAK

หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Sixtygram ดำรงต่ำแหน่งทั้ง CEO และนักการตลาดผู้เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ด้าน Digital Marketing จะไม่มีวันหยุดนิ่ง และจะปรับเปลี่ยในทุกๆวัน การแสวงหาความรู้เพื่อยอดต่อในธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด