หลายคนมักคุ้นเคยกับการใช้ไลน์(Line)ซึ่งเป็นแอพแชทพูดคุยในชีวิตประจำวันทั่วไป แต่สำหรับธุรกิจหรือร้านค้าแล้วนั้น การใช้ไลน์บัญชีส่วนตัวในการแชทพูดคุยกับลูกค้าอาจไม่เพียงพอ ทั้งในแง่ของฟีเจอร์ที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกับลูกค้าหลายรายพร้อมกัน การจัดกิจกรรม โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ไปจนถึงการจัดเก็บข้อมูลลูกค้า ด้วยเหตุนี้ การใช้ Line OA จึงได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจที่มากกว่า Line ทั่วไป นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ในวันนี้ Sixtygram Agency เอเจนซี่การตลาดของเราจึงอยากจะพาคุณศึกษาไปรู้จัก Line OA ให้มากขึ้น ทั้งหลักการทำงาน เครื่องมือจำเป็น เทคนิคและวิธีตั้งค่าใช้งาน ไปจนถึงฟีเจอร์ทั้งหมดที่ Line OA สามารถทำได้แบบครบจบในที่เดียว
Line OA คืออะไร?

Line OA(ไลน์โอเอ) หรือชื่อเต็ม LINE Official Account คือประเภทของบัญชีผู้ใช้งานของไลน์(Line)ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับธุรกิจโดยเฉพาะ เพื่อช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้ด้วยฟีเจอร์ที่มากกว่าบัญชีไลน์ประเภทบุคคลทั่วไป กล่าวคือ บัญชี Line OA สามารถเลือกได้ว่าจะส่งข้อความไปทีละบุคคล หรือจะเลือกใช้ฟีเจอร์บอร์ดแคสต์เพื่อส่งข้อความโปรโมชั่นให้ทุกๆคนที่เป็นเพื่อนพร้อมๆกันได้ ไปจนถึงการใช้ฟีเจอร์ส่งเสริมการขายในไลน์อย่างภาพใน Rich Menu และ Rich Messages ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำการตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง
หลักการทำงานของ Line OA
คราวนี้เรามาดูกันว่าเบื้องหลังการทำงานของ LINE OA จริง ๆ แล้วเป็นอย่างไร ซึ่งความเข้าใจในจุดนี้สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้แบรนด์ธุรกิจของคุณสามารถใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Line oa ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคอยากได้การสื่อสารที่ตรงใจและรวดเร็ว

เริ่มต้นจากการเพิ่มเพื่อนไลน์แอด การใช้งาน LINE OA จะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อผู้ใช้งานทั่วไป(ลูกค้า) เพิ่มบัญชีธุรกิจนั้นๆ เป็นเพื่อนใน LINE เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาผ่านหน้า Home ของแอปในแท็บ Official Account, การเลือกจากหมวดหมู่ที่แนะนำ การสร้าง Qr Code แบบภาพ หรือ การสร้างลิงก์(url)เพื่อเพิ่มเพื่อน ไปจนถึง การให้ลูกค้าค้นหาจาก ID ของ Line Oa โดยตรงที่ขึ้นต้นด้วยสัญลักษณ์ไลน์แอด(@) ซึ่งเป็นวิธีเชิญเพิ่มเพื่อนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน
ด้วยวิธีทั้งหมดนี้จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงบัญชีของแบรนด์ธุรกิจได้ง่ายขึ้น โดยเมื่อลูกค้าเพิ่มเพื่อนสำเร็จแล้วก็สามารถแชทเพื่อสอบถามข้อมูล หรือติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นต่าง ๆ จากแบรนด์ได้แบบเรียลไทม์
การตั้งค่าเพื่อใช้งาน Line OA ที่จำเป็น
หลังจากสมัครบัญชี LINE OA เรียบร้อยแล้วที่ https://account.line.biz/signup

ขั้นตอนถัดไปที่ขาดไม่ได้คือการตั้งค่า ซึ่งเป็นหัวใจของการทำให้บัญชีของคุณดูน่าเชื่อถือ น่าใช้งาน และตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด โดยคุณสามารถเข้าไปจัดการได้ทั้งผ่านเว็บไซต์ manager.line.biz บนคอมพิวเตอร์ หรือผ่านแอปพลิเคชัน LINE Official Account บนมือถือ IOS ที่นี่ หรือ Android ที่นี่ โดยสำหรับใครที่เพิ่งเริ่มใช้งาน ลองมาดูว่าต้องตั้งค่าอะไรบ้าง เพื่อให้บัญชีธุรกิจของคุณพร้อมใช้งานอย่างมืออาชีพ
1. ตั้งค่าอัปโหลดรูปโปรไฟล์และภาพหน้าปก

จุดเริ่มต้นของความน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์คือภาพแรกที่ลูกค้าเห็น ซึ่งก็คือรูปโปรไฟล์และภาพหน้าปกของบัญชี LINE OA การใช้โลโก้ที่ชัดเจนและสื่อถึงแบรนด์ได้ตรงจุด ช่วยให้ลูกค้าจดจำชื่อร้านหรือธุรกิจของคุณได้ง่ายขึ้น ส่วนภาพหน้าปกก็เปรียบเสมือนป้ายหน้าร้าน ที่สามารถใช้เล่าเรื่องแบรนด์ เสนอโปรโมชัน หรือสร้างอารมณ์ร่วมกับลูกค้าได้ตั้งแต่แรกเห็น การตั้งค่านี้ทำได้ทั้งผ่านเว็บไซต์ manager.line.biz และแอปพลิเคชัน LINE OA
2. เพิ่มข้อมูลบัญชีให้ครบถ้วน

รายละเอียดเล็กน้อยที่หลายคนมองข้ามอย่าง ชื่อร้าน ประเภทธุรกิจ อีเมล เบอร์โทร เวลาทำการ หรือเว็บไซต์ ล้วนเป็นข้อมูลที่ส่งผลต่อความไว้วางใจของลูกค้าโดยตรง การกรอกข้อมูลให้ครบไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้าติดต่อกลับได้สะดวก แต่ยังช่วยให้ระบบของ LINE แนะนำบัญชีของคุณในหมวดหมู่ที่เหมาะสมได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น หากคุณวางแผนจะยิงแอดผ่าน LINE ในอนาคต การมีข้อมูลครบถ้วนก็ยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับการอนุมัติและประสิทธิภาพของแคมเปญเชิงพาณิชย์ได้อีกขั้น
3. การซื้อ Premium ID เพื่อไอดีไลน์แอดสวย จำง่าย
ชื่อบัญชีที่ลูกค้าเห็นบน LINE OA เริ่มต้นมักเป็นรหัสสุ่มที่ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลข ซึ่งอาจดูไม่สื่อถึงแบรนด์และจดจำยาก สำหรับใครที่ต้องการความเป็นมืออาชีพและเพิ่มโอกาสในการค้นหาที่ง่ายขึ้น การอัปเกรดเป็น Premium ID จึงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า เพราะคุณสามารถเลือกชื่อที่สั้น กระชับ และตรงกับชื่อแบรนด์ เช่น @yourbrand(ต้องเป็นภาษาอังกฤษและห้ามมีพิมพ์ใหญ่) ได้ทันที การตั้งค่านี้ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องจำชื่อยาว ๆ และสามารถค้นหาเจอบัญชีคุณได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อคุณใช้ชื่อ ID นั้นโปรโมตผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น บนกล่องสินค้า ป้ายร้าน หรือหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์
4. การจัดการสิทธิ์แอดมิน
LINE OA รองรับการทำงานเป็นทีม ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่มีแอดมินหลายคน การตั้งค่าสิทธิ์ให้แต่ละคนมีบทบาทต่างกัน เช่น คนหนึ่งดูแลเฉพาะแชท อีกคนดูแลการตั้งค่าหรือดึงรายงานระบบ ช่วยให้คุณควบคุมการทำงานได้อย่างมีระบบ ลดความเสี่ยงจากการให้สิทธิ์เกินจำเป็น และยังสามารถเพิ่มหรือลบผู้ดูแลได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแชร์รหัสผ่านหลักของบัญชี ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้ทีมบริหารจัดการบัญชีได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อธุรกิจเติบโตและต้องแบ่งหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น
5. ตั้งค่าโหมดแชทด้วยตนเอง

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า LINE OA จะสามารถพูดคุยกับลูกค้าได้ทันทีหลังจากสมัครบัญชี แต่ความจริงแล้ว โหมดเริ่มต้นของระบบจะอยู่ในแบบบอทตอบกลับอัตโนมัติ(Auto-response) จึงจำเป็นต้องตั้งค่าให้เป็นโหมด “สื่อสารกับเพื่อนของบัญชีทางการผ่านการตอบแชทด้วยตนเอง(แมนนวล)” เพื่อให้แอดมินสามารถโต้ตอบกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ได้เองก่อน การสลับโหมดนี้ถือเป็นจุดเริ่มสำคัญหากคุณต้องการให้แบรนด์ของคุณมีปฏิสัมพันธ์แบบมนุษย์ ไม่ใช่บอท การพูดคุยโดยตรงจะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจ ตอบคำถามได้ตรงจุด และช่วยปิดการขายได้ง่ายขึ้นในหลาย ๆ กรณี
6. ตั้งค่าข้อความทักทายเพื่อนใหม่
เมื่อมีลูกค้าเพิ่มบัญชี LINE OA ของคุณเป็นเพื่อน ข้อความต้อนรับคือจังหวะแรกที่คุณสามารถสร้างความประทับใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งสิทธิพิเศษ โปรโมชั่นต้อนรับ หรือแนะนำเมนูต่าง ๆ ของบัญชี เช่น วิธีสอบถามสินค้า วิธีการจัดส่ง หรือ ระบบเช็คเลขพัสดุจัดส่งแล้ว โดยข้อความทักทายที่ดีควรเขียนให้กระชับ ชัดเจน และมีน้ำเสียงที่เป็นมิตร การตั้งค่านี้ไม่เพียงช่วยลดความสับสนให้ลูกค้า แต่ยังเป็นการชี้ทางให้พวกเขาเริ่มต้นใช้งานบัญชีของคุณได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นเครื่องมือเล็ก ๆ ที่สร้างผลลัพธ์ได้มากกว่าที่คิด
7. การทำภาพ Rich Menu ให้ลูกค้าใช้งานง่ายขึ้น

Rich Menu คืออีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นที่เปลี่ยน LINE OA จากการเป็นแค่ช่องทางแชท ให้กลายเป็นเมนูลัดแบบคลิกเดียวถึง เป็นเมนูภาพที่แสดงอยู่ด้านล่างสุดของหน้าจอแชท ลูกค้าสามารถแตะเข้าไปดูเมนูสินค้า โปรโมชั่น จองคิว หรือเข้าเว็บไซต์ได้ทันทีโดยไม่ต้องพิมพ์ถาม การออกแบบ Rich Menu ที่ดีควรใช้งานง่าย สื่อสารตรงประเด็น และสะท้อนตัวตนของแบรนด์ เช่น ใช้ภาพประกอบน่าดึงดูด หรือจัดปุ่มให้สื่อถึงคำสั่งยอดนิยม เช่น “ดูสินค้าใหม่” “ติดต่อแอดมิน” หรือ “รีวิวลูกค้า” ฟีเจอร์นี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดตามเทศกาลหรือแคมเปญที่จัดขึ้น ทำให้บัญชีของคุณมีความยืดหยุ่นและดูมีชีวิตชีวามากกว่าที่เคย
16 ฟีเจอร์ Line Oa ยอดนิยม (อัพเดทปี 2025)
หลังจากเราปรับแต่ง LINE OA ให้พร้อมใช้งานกันแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาขยับขึ้นอีกระดับ ด้วยการทำให้บัญชีของคุณดูมืออาชีพและใช้งานได้รอบด้านมากยิ่งขึ้น ด้วยฟีเจอร์ที่ LINE ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจโดยเฉพาะ บางฟีเจอร์สามารถใช้งานได้เลยทันที ส่วนบางฟีเจอร์อาจต้องมีทีม dev ช่วยพัฒนาหรือเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ แต่ไม่ว่าจะใช้งานได้ทันทีหรือยังอยู่ในขั้นตอนการต่อยอด เราอยากให้คุณรู้จักไว้ เพราะแต่ละฟีเจอร์อาจกลายเป็นไอเดียดี ๆ ที่ช่วยให้คุณพัฒนาแบรนด์และระบบงานของคุณให้ไปได้ไกลกว่าเดิม ด้วย 16 ฟีเจอร์ที่แบรนด์ดังนิยมใช้เหล่านี้ อันได้แก่
1. การซื้อโล่รับรอง (โล่น้ำเงินและสีเขียว)

การมีโล่บัญชีรับรองบนบัญชี LINE OA ไม่เพียงแต่เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณ แต่ยังช่วยให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้ติดต่อกับบัญชีที่เป็นทางการ โล่สีเขียวแสดงถึงบัญชีที่ได้รับการรับรองจาก LINE ว่าเป็นบัญชีทางการของธุรกิจหรือองค์กรนั้น ๆ ส่วนโล่สีน้ำเงินแสดงถึงบัญชีที่ได้รับการยืนยันตัวตนแล้ว การมีโล่เหล่านี้ช่วยเพิ่มความไว้วางใจจากลูกค้าและสามารถส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์
2. Rich Video Messages (ข้อความวิดีโอแบบลูป)

Rich Video Messages เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณสามารถส่งข้อความในรูปแบบวิดีโอที่มีความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้มากขึ้น การใช้วิดีโอในการสื่อสารช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความประทับใจและกระตุ้นให้ลูกค้าดำเนินการตามที่คุณต้องการ เช่น การคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือการสั่งซื้อสินค้า
3. การ์ดเมสเสจ (Card-based Messages)

การ์ดเมสเสจเป็นรูปแบบการส่งข้อความที่เน้นความเป็นระเบียบและดูเป็นระบบมากขึ้น โดยแต่ละการ์ดสามารถประกอบด้วยรูปภาพ ข้อความ และปุ่มให้คลิก เช่น ปุ่มดูสินค้า ปุ่มจองบริการ หรือปุ่มแชทกับแอดมิน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำเสนอสินค้าหลายรายการในครั้งเดียว หรือต้องการให้ลูกค้าเลือกจากตัวเลือกต่าง ๆ ได้ทันทีจากหน้าจอแชท ถือเป็นการยกระดับการสื่อสารที่มีมากกว่าข้อความทั่วไป และช่วยเพิ่ม Conversion ได้จริงในการใช้งานจริง
4. คูปอง (Coupon)

ฟีเจอร์คูปองช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโปรโมชันเฉพาะกิจหรือสิทธิพิเศษแบบจำกัดเวลา เพื่อกระตุ้นการซื้อและเพิ่มโอกาสในการกลับมาซื้อซ้ำ โดยสามารถตั้งค่าเงื่อนไขการใช้งานคูปองได้ เช่น ใช้ได้เฉพาะวันธรรมดา เฉพาะลูกค้าใหม่ หรือเฉพาะการซื้อครบตามยอดที่กำหนด ทั้งยังมีระบบรายงานที่ช่วยให้คุณติดตามจำนวนการใช้คูปองและวัดผลของแคมเปญได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ใช้ได้ผลดี โดยเฉพาะกับธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่ หรือร้านค้าปลีก
5. บัตรสะสมแต้ม (Reward Cards)

บัตรสะสมแต้มรูปแบบใหม่ใน LINE OA เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ผ่านการให้รางวัลจากการซื้อซ้ำหรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ซื้อครบ 10 ครั้ง รับฟรี 1 ครั้ง หรือสะสมครบ 100 แต้ม แลกรับของพิเศษ การตั้งค่าระบบนี้ทำได้ง่าย และลูกค้าสามารถดูแต้มของตนได้ผ่าน LINE โดยตรง ช่วยกระตุ้นการกลับมาใช้บริการซ้ำ เพิ่มความภักดีต่อแบรนด์ และลดต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่ในระยะยาว
6. แท็กแชท (Chat Tag)

การใช้แท็กในระบบแชทของ LINE OA เป็นอีกหนึ่งวิธีจัดระเบียบแชทให้เป็นระบบมากขึ้น คุณสามารถกำหนดติดแท็กให้กับแต่ละลูกค้า เช่น ลูกค้า VIP, สนใจโปรโมชั่น, เคยซื้อสินค้า A เป็นต้น ซึ่งช่วยให้ทีมแอดมินสามารถติดตามประวัติความสนใจและกลับไปดูรายละเอียดการสนทนาเดิมได้ง่ายขึ้นตามคู่มือ Chattag การใช้แท็กยังช่วยในการยิงแคมเปญเฉพาะกลุ่มได้แม่นยำขึ้น เช่น ส่งโปรเฉพาะกลุ่มที่มีแท็ก “สนใจสินค้าใหม่” ได้แบบไม่รบกวนลูกค้ากลุ่มอื่น
7. แบบสอบถาม (Survey)

ฟีเจอร์แบบสอบถามใน LINE OA เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้ามากขึ้นผ่านการเก็บข้อมูลแบบเจาะจง เช่น ความพึงพอใจหลังใช้บริการ ความสนใจในสินค้า หรือพฤติกรรมการซื้อ โดยสามารถตั้งคำถามเป็นตัวเลือกเดียว หลายตัวเลือก หรือแบบกรอกข้อความก็ได้ เหมาะสำหรับการทำวิจัยตลาดเบื้องต้น การประเมินผลกิจกรรม และการออกแบบโปรโมชันในอนาคตให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
8. ยิงแอดโฆษณา (LINE Ads)

LINE Ads ช่วยให้ธุรกิจสามารถยิงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น บนหน้าแชท, LINE TODAY, หรือ LINE TIMELINE โดยสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามอายุ เพศ ความสนใจ หรือพฤติกรรมการใช้งานได้อย่างละเอียด การยิงโฆษณาผ่าน LINE Ads จึงเหมาะสำหรับทั้งการเพิ่มยอดติดตามบัญชี LINE OA และการโปรโมตสินค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ โดยตรง ช่วยขยายฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพในช่องทางที่คนไทยใช้งานมากที่สุด
9. LINE แชทบอท (Chatbot)

ฟีเจอร์แชทบอทผ่านระบบ Automation Rules ของ LINE OA ช่วยให้ธุรกิจสามารถตั้งเงื่อนไขให้ระบบตอบกลับลูกค้าได้อัตโนมัติตามคีย์เวิร์ดหรือเงื่อนไขที่กำหนด เช่น เมื่อลูกค้าพิมพ์คำว่า “สมัครสมาชิก” ระบบก็สามารถส่งลิงก์สมัครอัตโนมัติให้ทันที ช่วยลดภาระทีมแอดมิน และเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ โดยเฉพาะในช่วงที่มีลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก ทั้งยังสามารถตั้งค่าหลายรูปแบบ เช่น คำถาม-คำตอบซ้ำ ๆ หรือเส้นทางสนทนาที่มีหลายขั้นที่สามารถจดจำลูกค้าของคุณผ่าน R.A.G และ AI ที่พัฒนาต่อยอดได้ด้วย
10. หน้าร้านค้าสินค้า (LINE SHOPPING)

LINE SHOPPING เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้แบรนด์สามารถเปิดหน้าร้านออนไลน์ใน LINE ได้โดยตรง ลูกค้าสามารถดูสินค้า เลือกซื้อ และชำระเงินผ่าน LINE ได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากแอป ช่วยลดขั้นตอนระหว่างการซื้อ เพิ่มความสะดวกในการตัดสินใจ และยังเชื่อมต่อกับระบบจัดการสต๊อกและออเดอร์ได้อีกด้วย เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายผ่านแชท และต้องการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ราบรื่นในที่เดียว
11. มินิเกมส์ในไลน์ (LINE Gamification)

การใช้ Gamification หรือการสร้างเกมและกิจกรรมแบบมีแรงจูงใจใน LINE OA เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วมของลูกค้าได้ดีมาก เช่น เกมหมุนวงล้อสะสมแต้ม ลุ้นรับของรางวัล หรือกิจกรรมแชร์แล้วรับคูปอง ฟีเจอร์นี้ช่วยเปลี่ยนจากการสื่อสารแบบทางเดียว ให้กลายเป็นการมีปฏิสัมพันธ์แบบสนุกและมีเป้าหมาย ยิ่งลูกค้ารู้สึกว่าเล่นแล้วได้สิทธิ์พิเศษ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะกลับมามีส่วนร่วมกับบัญชี Line oa ของคุณซ้ำ ๆ
12. การพัฒนา LINE LIFF (LINE Front-end Framework)

LINE LIFF คือเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างมินิเว็บหรือแอปพลิเคชันขนาดย่อมให้แสดงผลในหน้าต่าง LINE ได้โดยตรง โดยไม่ต้องพาออกจากแอป เช่น แบบฟอร์มสมัครสมาชิก ระบบจองคิว หรือระบบคำนวณราคาสินค้า การใช้ LIFF จะช่วยให้คุณควบคุมประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าได้มากขึ้น และเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลหรือระบบหลังบ้านของธุรกิจได้อย่างลื่นไหล เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการยกระดับการใช้งาน LINE จากแค่แชท มาเป็นระบบบริการที่ครบวงจร
13. ใข้ไลน์เชื่อมต่อระบบภายนอก (LINE Messaging API)

LINE Messaging API คือหัวใจของการเชื่อมต่อ LINE OA กับระบบหลังบ้านอื่น ๆ เช่น ระบบ CRM, ระบบแจ้งเตือน, หรือแม้แต่แพลตฟอร์มอย่าง Jira เพื่อรวมศูนย์การตอบแชท และสร้างประสบการณ์ที่เป็นอัตโนมัติแบบกำหนดเองได้ทั้งหมด ธุรกิจสามารถใช้ API นี้ในการส่งข้อความแบบเจาะจง ตอบกลับตามเงื่อนไข หรือติดตามพฤติกรรมของลูกค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้การจัดการแชทจากหลายช่องทางกลายเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพสูงสุด
14. ใช้เป็นตัวกลางในการเข้าสู่ระบบ (LINE Login)

LINE Login คือฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้งานล็อกอินเข้าสู่ระบบหรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้วยบัญชี LINE ของตนเอง เหมาะสำหรับระบบสมาชิก ระบบประกันสินค้า การยืนยันสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรม หรือระบบสะสมแต้ม ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความยุ่งยากของผู้ใช้งานที่ไม่ต้องจำรหัสผ่านหลายชุด และยังช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าได้อย่างแม่นยำ พร้อมเชื่อมต่อข้อมูลข้ามระบบได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
15. LINE MINI App

LINE MINI App คือแอปพลิเคชันขนาดย่อมที่แสดงผลอยู่ภายในแอป LINE โดยไม่ต้องดาวน์โหลดเพิ่มเติม ช่วยให้ธุรกิจสามารถพัฒนาโซลูชันเฉพาะ เช่น ระบบจองโต๊ะร้านอาหาร ระบบลงทะเบียนอีเวนต์ หรือระบบสมัครสมาชิกในแบบเฉพาะแบรนด์ได้อย่างอิสระ MINI App มีข้อดีคือใช้งานง่าย เข้าถึงได้รวดเร็ว และเชื่อมต่อกับ LINE Login ได้แบบไร้รอยต่อ เพิ่มทั้งความสะดวกและประสบการณ์ใช้งานให้กับลูกค้า
16. ระบบชำระเงิน (LINE Pay)

LINE Pay คือระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและใช้งานสะดวกภายในแอป LINE ลูกค้าสามารถชำระเงินได้โดยตรงจากแชท โดยไม่ต้องออกไปที่แอปธนาคารหรือเว็บไซต์ภายนอก ลดขั้นตอนและแรงเสียดทานในการซื้อสินค้า อีกทั้งยังช่วยให้ร้านค้าทำแคมเปญกระตุ้นยอดซื้อผ่านสิทธิพิเศษจากการชำระเงินด้วย LINE Pay ได้อีกด้วย เหมาะมากสำหรับธุรกิจที่ต้องการเชื่อมโยงการขายและการชำระเงินให้อยู่ภายใต้แพลตฟอร์มเดียว
ข้อดีของ Line Oa ที่หลายธุรกิจชอบใช้
- เริ่มต้นใช้ฟรีได้เลย ผ่านแอป LINE OA ไม่ต้องลงทุนอะไรตอนแรก
- เพิ่มลูกค้าได้ไม่จำกัด จะมีคนแอดเป็นเพื่อนกี่พันกี่หมื่นก็ไม่มีปัญหา
- ทีมงานจัดการง่าย เพราะเพิ่มแอดมินได้ถึง 100 คน และกำหนดสิทธิ์ได้หลากหลาย
- มีฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจโดยเฉพาะ เช่น บอร์ดแคสต์ข้อความ, Rich Menu, คูปอง, ระบบสะสมแต้ม
- ต่อยอดกับระบบอื่นได้ ทั้ง CRM, ระบบจองคิว, เชื่อมต่อ API หรือพัฒนา LINE LIFF / MINI App ได้ถ้ามีทีม dev
- เหมาะกับการทำแคมเปญระยะยาว เพราะสามารถสื่อสารกับลูกค้าเดิมซ้ำ ๆ ได้แบบไม่ต้องยิงแอดใหม่ตลอดเวลา
ข้อเสียของ Line Oa
- แพ็กเกจฟรีมีข้อจำกัด ถ้าส่งข้อความมากกว่า 500 ข้อความต่อเดือน ต้องอัปเกรด
- ธุรกิจไม่สามารถแอดลูกค้าได้เอง ต้องรอให้ลูกค้าแอดเข้ามาก่อนเท่านั้น
- ข้อความที่ส่งไปแล้วลบไม่ได้ ถ้าส่งผิดต้องพิมพ์ใหม่ ไม่สามารถย้อนกลับ
- มือใหม่อาจต้องใช้เวลาศึกษานิดนึง โดยเฉพาะการตั้งค่าระบบตอบกลับหรือเชื่อมต่อฟีเจอร์ขั้นสูง
- บางฟีเจอร์ เช่น LINE Login, LINE LIFF หรือระบบสะสมแต้มแบบซับซ้อน ต้องมี dev หรือที่ปรึกษาช่วยพัฒนา
- ธุรกิจที่เป็นระบบขายครบวงจรต้องเชื่อมกับระบบภายนอกเพิ่มเติม เช่น ระบบชำระเงิน สต๊อก หรือระบบออกใบเสร็จ