Amintra

15 กรกฎาคม 2025

กฎหมายคอมพิวเตอร์ คืออะไร? พร้อมตัวอย่างการกระทำผิด

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าทุกโพสต์ ทุกการแชร์ หรือแม้แต่คอมเมนต์ในโซเชียลมีเดีย อาจทำให้คุณเข้าข่ายผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ได้ทันที โดยเฉพาะผู้ประกอบการ นักการตลาด อินฟลูเอนเซอร์ หรือแม้แต่คนทั่วไปที่ใช้โซเชียลเป็นประจำแต่ไม่รู้พื้นฐานกฎหมาย 

เมื่อข่าวลวง การแชร์ภาพไม่เหมาะสม ไปจนถึงการหมิ่นประมาทออนไลน์ ล้วนเกิดขึ้นจริงทุกวันและสร้างความเสียหายทั้งชื่อเสียง ทรัพย์สิน ไปจนถึงโอกาสทางธุรกิจ ทำให้ในวันนี้ Sixtygram ในฐานะเอเจนซี่โฆษณาออนไลน์จึงอยากช่วยให้ทุกคนเข้าใจกฎหมายคอมพิวเตอร์แบบง่ายๆ พร้อมตัวอย่างการกระทำผิดที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง เพื่อให้ทุกการใช้โซเชียลของคุณมั่นใจ ปลอดภัย และไม่เสี่ยงโดนฟ้องโดยไม่รู้ตัว

กฎหมายคอมพิวเตอร์ คืออะไร?

กฎหมายคอมพิวเตอร์ หรือชื่อเต็ม ๆ แบบเป็นทางการว่า พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์) ที่หลายคนอาจจะแซวเล่นๆ(ฮา)ว่า “รปภ.คอม” นั่นก็เพราะบทบาทหลักของกฎหมายคอมพิวเตอร์ฉบับนี้คือคอยคุ้มกันความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ 

กฎหมายคอมพิวเตอร์ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลและควบคุมการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัลทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊ก มือถือ หรือแม้แต่อุปกรณ์ IoT จุดประสงค์หลักคือป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ และจัดการกับเนื้อหา ข้อมูล หรือพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายผ่านช่องทางออนไลน์

โดยสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ไม่ได้จำกัดแค่การเจาะระบบหรือแฮกข้อมูล แต่ยังครอบคลุมพฤติกรรมการใช้งานทั่วไปของทุกคน ตั้งแต่ผู้ประกอบการ อินฟลูเอนเซอร์ ไปจนถึงคนที่โพสต์ แชร์ หรือคอมเมนต์ในโซเชียล ถ้าไม่ระวังคุณอาจเข้าข่ายความผิดได้ทันที ยิ่งในวันที่โซเชียลมีเดียกลายเป็นทั้งสนามธุรกิจและพื้นที่ส่วนตัว การหมิ่นประมาท การโพสต์ด่า การแชร์ข่าวปลอม การตัดต่อภาพ การละเมิดลิขสิทธิ์ หรือการถูกแฮกบัญชี ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทุกวัน ทำให้กฎหมายนี้กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรรู้ เพื่อป้องกันตัวเองทั้งในมุมผู้ใช้และผู้สร้างเนื้อหา จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อหรือเผลอทำผิดโดยไม่รู้ตัว

การเริ่มบังคับใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์ในไทย

กฎหมายคอมพิวเตอร์

กฎหมายนี้ในไทยเริ่มใช้ครั้งแรกปี 2550 และมีการปรับปรุงข้อกฎหมายใหม่ครั้งใหญ่อีกครั้ง(ฉบับที่2)ในปี 2560 เพื่อให้ทันสมัยชัดเจนและเหมาะสมกับรูปแบบอาชญากรรมใหม่ๆที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ โดยมีการแก้ไขสำคัญ เช่น การถอดความผิดหมิ่นประมาทออกจากพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และนำกลับไปใช้กฎหมายอาญา ทำให้การฟ้องร้องและการใช้สิทธิในศาลมีความเป็นธรรมมากขึ้น

กฎหมายคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง?

handcuffs and judge mallet on laptop keyboard 9165b4fe c18e 11ea 991f d77957054eff 1727359091029.jpg

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ได้กำหนดความผิดและบทลงโทษที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมบนโลกออนไลน์โดยตรง เพื่อตอบสนองยุคที่ทุกคนเป็นทั้งผู้สร้างคอนเทนต์ ผู้โพสต์ และผู้เสพข่าวสาร ทำให้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับล่าสุด (พ.ศ. 2560) แบ่งความผิดออกเป็น 13 ฐานหลัก ครอบคลุมตั้งแต่การแฮกระบบ การดักข้อมูล การปลอมแปลง การทำลายระบบ ไปจนถึงการโพสต์ข่าวปลอม การแชร์ข้อมูลลามกอนาจาร หรือแม้แต่การปล่อยให้คอมเมนต์หมิ่นประมาทปรากฏอยู่บนเพจโดยไม่จัดการ

สำหรับผู้ประกอบการอินฟลูเอนเซอร์และนักการตลาดกฎหมายนี้ยิ่งสำคัญเป็นพิเศษเพราะทุกโพสต์ทุกแคมเปญและทุกโฆษณาล้วนมีโอกาสเสี่ยงเข้าข่ายความผิด เช่น การโฆษณาเกินจริง การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือการใช้รูปคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ ทั้งนี้ โทษสูงสุดในบางฐานความผิดของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อาจถึงขั้นจำคุก 20 ปี หรือปรับหลายแสนบาท ถ้าเป็นการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ หรือทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตจากการโจมตีระบบ

ประเภทของความผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์

ก่อนจะลงรายละเอียดมาตรา หลายคนอาจสงสัยว่า กฎหมายคอมพิวเตอร์แบ่งความผิดออกเป็นกี่ประเภท และมีลักษณะอย่างไร จริงๆแล้วสามารถสรุปเป็น 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

ประเภทที่ 1 การเข้าถึงระบบหรือข้อมูลโดยมิชอบ

2022102555ee5d3332b262c6e922d2dcc61128ca145251

โดยพื้นฐานแล้ว กฎหมายมุ่งคุ้มครองความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลส่วนบุคคลของทุกคน ทั้งในระดับบุคคล บริษัท หรือหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ข้อมูลเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง การเข้าถึงข้อมูลหรือระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าผู้กระทำจะมีเจตนาเพียงอยากรู้อยากเห็น หรือทำเพื่อแสวงหาประโยชน์ก็ตาม 

การกระทำลักษณะนี้ไม่จำเป็นต้องทำลายหรือแก้ไขข้อมูล เพียงแค่เข้าถึงก็ถือว่าผิดแล้ว การป้องกันเรื่องนี้จึงเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องเก็บข้อมูลลูกค้า อินฟลูเอนเซอร์ที่มีข้อมูลส่วนตัวของผู้ติดตาม ไปจนถึงคนทั่วไปที่ต้องการรักษาความเป็นส่วนตัว หากปล่อยให้เกิดการเข้าถึงได้ง่าย อาจนำไปสู่การแอบอ้าง ขโมยตัวตน การขโมยข้อมูลทางการเงิน หรือแม้แต่การใช้ข้อมูลไปทำการตลาดผิดกฎหมายหรือทำลายชื่อเสียง

มาตรา 5 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 6 ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 7 ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่าง

  • การแฮกเข้าไปในบัญชีอีเมลหรือไลน์ของคู่ค้า เพื่อแอบอ่านข้อความการเจรจาธุรกิจ
  • การแอบใช้รหัสผ่านของเพื่อนร่วมงาน เพื่อเข้าไปดูไฟล์โปรเจกต์หรือรายชื่อลูกค้า
  • การแฮกข้อมูลส่วนตัวดาราเพื่อดูภาพถ่ายส่วนตัวหรือแชตส่วนตัว
  • การเข้าถึงระบบ ERP หรือ CRM ของบริษัทคู่แข่ง เพื่อดูยอดขายหรือฐานลูกค้า
  • การนำมาตรการป้องกัน เช่น ช่องโหว่ของระบบมาเผยแพร่ในกลุ่มปิด เพื่อให้คนอื่นนำไปโจมตี

ประเภทที่ 2 การดักรับหรือแทรกแซงข้อมูลระหว่างทาง

3 abd846b611

กฎหมายคอมพิวเตอร์ยังให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลที่กำลังถูกส่งผ่านระบบเครือข่าย เพราะข้อมูลในระหว่างการส่งถือเป็นจุดอ่อนที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือถูกดักรับมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับร้านค้า การส่งอีเมลส่วนตัว การประชุมออนไลน์ หรือแม้แต่การทำธุรกรรมการเงิน 

การดักข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงแต่ละเมิดความเป็นส่วนตัว แต่ยังสามารถนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมต่อเนื่อง เช่น การขโมยรหัสผ่าน การนำข้อมูลไปแบล็กเมล หรือการปลอมแปลงตัวตน การปกป้องข้อมูลในชั้นนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่ใช้ระบบชำระเงินออนไลน์ อินฟลูเอนเซอร์ที่รับสัญญาหรือข้อมูลสปอนเซอร์ผ่านอีเมล รวมถึงบุคคลทั่วไปที่ใช้ชีวิตบนโซเชียลมีเดีย เพราะหากถูกดักข้อมูล อาจเกิดความเสียหายทั้งทางการเงินและชื่อเสียงในวงกว้าง

มาตรา 8 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่าง

  • การใช้โปรแกรมดักจับข้อมูล (Sniffer) ในเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ เพื่อขโมยรหัสล็อกอินธนาคาร
  • การดักรับข้อมูลอีเมลเจรจาธุรกิจระหว่างบริษัท เพื่อเอาไปเสนอราคาตัดหน้า
  • การแทรกแซงการโอนเงินระหว่างลูกค้ากับร้านค้าออนไลน์ เพื่อเปลี่ยนเลขบัญชีปลายทาง
  • การติดตั้งมัลแวร์บนอุปกรณ์เหยื่อเพื่อดักข้อมูลแชตหรือข้อความส่วนตัว
  • การดักข้อมูลการจองตั๋วหรือทำธุรกรรม เพื่อขโมยบัตรเครดิตหรือข้อมูลการเดินทาง

ประเภทที่ 3 การทำลายแก้ไขหรือรบกวนระบบคอมพิวเตอร์

20220609b9409e95be21dd42870738acd5a11750101051

การกระทำประเภทนี้ถือเป็นภัยร้ายแรงและอาจสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะในเชิงธุรกิจ ภาครัฐ หรือชีวิตประจำวันของผู้ใช้ การทำลายหรือแก้ไขข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมกระทบต่อความเชื่อมั่น ความถูกต้อง และความปลอดภัยของข้อมูล เช่น การแก้ไขฐานข้อมูลลูกค้า การลบไฟล์สำคัญ หรือการเปลี่ยนแปลงผลการวิเคราะห์ต่าง ๆ 

ส่วนการรบกวนระบบ เช่น การทำให้เว็บไซต์ล่ม การโจมตีเซิร์ฟเวอร์ หรือการทำให้ระบบหยุดชะงัก อาจทำให้ธุรกิจเสียโอกาส สูญเสียรายได้มหาศาล หรือทำให้ผู้ใช้งานเดือดร้อนอย่างกว้างขวาง การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ละเมิดสิทธิของเจ้าของระบบหรือผู้ใช้บริการ แต่ยังอาจกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น ระบบการเงิน สาธารณูปโภค หรือหน่วยงานราชการ การเข้าใจและระวังเรื่องนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการที่มีแพลตฟอร์มออนไลน์ อินฟลูเอนเซอร์ที่เก็บข้อมูลแฟนคลับ หรือแม้แต่บุคคลทั่วไปที่ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัว

มาตรา 9 ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 10 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ตัวอย่าง

  • การแฮกเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์แล้วลบฐานข้อมูลสินค้าทั้งหมด
  • การปล่อยไวรัสหรือมัลแวร์ในเครือข่ายสำนักงาน ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานไม่ได้
  • การเปลี่ยนผลโหวตหรือผลคะแนนในกิจกรรมหรือประกวดออนไลน์เพื่อเอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่ม
  • การโจมตีเซิร์ฟเวอร์ด้วยวิธี DDoS (Distributed Denial of Service) จนเว็บไซต์บริษัทใหญ่ล่ม
  • การแก้ไขไฟล์สัญญาหรือเอกสารสำคัญในระบบคลาวด์ของคู่ค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต

ประเภทที่ 4 การนำเข้าหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย

d770125973dd8cacd4cc5ccb9b7db37b04d55737

การกระทำความผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์ประเภทนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในยุคดิจิทัล เพราะข้อมูลสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว และอาจสร้างผลกระทบมหาศาลทั้งต่อบุคคล สังคม และประเทศ การนำเข้าข้อมูลเท็จ การโพสต์ข่าวปลอม หรือการแชร์เนื้อหาที่บิดเบือนความจริง อาจสร้างความตื่นตระหนก ทำลายชื่อเสียง หรือบิดเบือนความเข้าใจของสาธารณะ 

นอกจากนี้กฎหมายคอมพิวเตอร์ ยังครอบคลุมการเผยแพร่เนื้อหาลามกอนาจาร การกระทำผิดเกี่ยวกับความมั่นคง หรือการแชร์ข้อมูลที่ขัดต่อศีลธรรมอันดี แม้ผู้กระทำจะอ้างว่าไม่รู้หรือเพียงแค่ “แชร์ต่อ” ก็ไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างเพื่อพ้นความผิดได้ การปกป้องตัวเองจากความผิดประเภทนี้ จึงต้องเริ่มจากการตรวจสอบแหล่งข้อมูลก่อนโพสต์หรือแชร์ทุกครั้ง สำหรับผู้ประกอบการ นักการตลาด อินฟลูเอนเซอร์ หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป จำเป็นต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะการปล่อยให้ข้อมูลผิดกฎหมายปรากฏบนแพลตฟอร์มที่ดูแล อาจทำให้ต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำ

มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1) โดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน ปลอม หรือเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคง ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าข้อมูลที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงหรือการก่อการร้ายตามกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าข้อมูลลามกอนาจาร ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลดังกล่าว โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลตาม (1) (2) (3) หรือ (4)

มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดให้ความร่วมมือ ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14

ตัวอย่าง

  • การโพสต์ข่าวปลอมว่าอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งรักษามะเร็งได้ ทั้งที่ไม่จริง ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด
  • การแชร์ภาพลามกอนาจารในกลุ่มไลน์หรือเฟซบุ๊ก โดยไม่ได้ปกปิด
  • การโพสต์ข้อมูลปลอมเรื่องธนาคารจะปิดกิจการ จนทำให้คนแห่ถอนเงิน
  • การเผยแพร่เนื้อหาที่บิดเบือนการทำงานของหน่วยงานรัฐ ทำให้สังคมตื่นตระหนก
  • การเป็นแอดมินเพจแล้วปล่อยให้คอมเมนต์หมิ่นประมาทบุคคลอื่นปรากฏโดยไม่ลบ

ประเภทที่ 5 การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและการเผยแพร่ภาพหรือข้อมูลที่ทำให้เสื่อมเสีย

1280w

ยิ่งในยุคที่การตัดต่อภาพและการแชร์ข้อมูลทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว การคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก การนำภาพหรือข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะในลักษณะที่ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรืออับอาย ถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน

ทั้งนี้ การกระทำเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายทั้งในเชิงจิตใจ สังคม และการงาน เช่น การตัดต่อภาพให้ดูโป๊เปลือย การนำภาพไปใส่บริบทที่เสื่อมเสีย หรือแม้กระทั่งการโพสต์ข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ โดยมีเจตนาทำให้ผู้เสียหายถูกคุกคาม ไม่ว่าจะทำกับคนมีชื่อเสียงหรือบุคคลธรรมดา ล้วนเข้าข่ายผิดกฎหมาย และอาจถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวนมาก การป้องกันตัวเองและเคารพสิทธิผู้อื่น จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องตระหนัก ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการ อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้ใช้โซเชียลทั่วไป

มาตรา 16 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำเป็นการกระทำต่อภาพของผู้ตาย และการกระทำนั้นน่าจะทำให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือได้รับความอับอาย ผู้กระทำต้องระวางโทษในอัตราเดียวกัน

ตัวอย่าง

  • การตัดต่อภาพดาราหรือบุคคลทั่วไปให้ดูโป๊เปลือย แล้วเผยแพร่ในโซเชียล
  • การนำภาพอดีตคู่รักไปโพสต์ประจาน พร้อมข้อความดูหมิ่น
  • การแชร์ภาพของผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุ โดยไม่มีการเซ็นเซอร์ หรือทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตเสื่อมเสีย
  • การสร้างเพจปลอมโดยใช้ภาพของบุคคลอื่นเพื่อหลอกลวงหรือใส่ร้าย
  • การโพสต์คลิปส่วนตัวของผู้อื่นในกลุ่มปิดหรือเพจสาธารณะ โดยไม่มีการยินยอม

ขั้นตอนปฏิบัติเมื่อพบการกระทำผิดกฎหมายคอมพิวเตอร์

Cyber Crime Lawyer

1. ตั้งสติ และประเมินสถานการณ์

ก่อนอื่นต้องตั้งสติ ประเมินว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องธุรกิจ หรือกระทบต่อความมั่นคง เช่น การถูกแฮกบัญชี การโพสต์หมิ่นประมาท การแชร์ข้อมูลส่วนบุคคล หรือการเผยแพร่ภาพไม่เหมาะสม

2. เก็บหลักฐานทันที

หลักฐานออนไลน์อาจถูกลบหรือแก้ไขได้ตลอดเวลา จึงต้องรีบ

  • แคปหน้าจอข้อความ รูปภาพ ความคิดเห็น วัน เวลา และ URL
  • ดาวน์โหลดหรือบันทึกวิดีโอ (screen recording) ถ้าเป็นคลิปหรือสตอรี่ที่หายไปเร็ว
  • จดชื่อบัญชีหรือข้อมูลผู้กระทำผิดให้ครบ

3. แจ้งผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม

ใช้ฟังก์ชัน Report ของ Facebook, Instagram, TikTok, YouTube หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอระงับเนื้อหา ลบโพสต์ หรือปิดบัญชีผู้ละเมิด วิธีนี้จะช่วยลดการแพร่กระจาย และป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

4. แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือ ปอท.

ถ้าความเสียหายร้ายแรง เช่น การขู่กรรโชก การปลอมแปลงเอกสาร การหมิ่นประมาทสาธารณะ การแฮกระบบ หรือกรณีที่กระทบต่อธุรกิจ ต้องแจ้งความที่ สถานีตำรวจท้องที่ หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)

5. ปรึกษาทนายความหากจำเป็น

ในกรณีที่ความเสียหายสูง เช่น สูญเสียรายได้ เสียชื่อเสียงอย่างรุนแรง หรือกระทบต่อกิจการ ควรปรึกษาทนายเพื่อฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย และวางแผนการดำเนินการทางกฎหมายอย่างรัดกุม

TAG ที่เกี่ยวข้อง: