Sixtygram Digital Marketing Agency มีความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาในวงการสื่อโปรดักชั่นและภาพยนตร์ ในฐานะส่วนหนึ่งของบริษัทเอเจนซี่การตลาดที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เราได้จัดกิจกรรมบรรยายพิเศษโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายให้แก่ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา(SSRU) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 ในหัวข้อ “Production Skill Seminar” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำและแนะแนวทางสู่การประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมนี้
ในครั้งนี้ เรามีเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือจากคุณพีระพันธ์ เหล่ายนตร์(Piraphan Laoyont) ผู้กำกับดีกรีเข้าชิงรางวัล ภาพยนต์แห่งชาติ สุพรรณหงษ์ และผู้กำกับหนังไทยชื่อดังอย่าง สวยลากไส้(2007) มาเป็นวิทยากรร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์อันล้ำค่า บทความนี้เป็นการสรุปเนื้อหาจากการบรรยาย ซึ่งครอบคลุมหัวข้อสำคัญต่างๆ ดังนี้
- 1. จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการภาพยนตร์
- 2. บทบาทและหน้าที่สำคัญในกองถ่าย
- 3. เทคนิคและอุปกรณ์ในการถ่ายทำ
- 4. การเลือกสายงานในวงการภาพยนตร์
- 5. โอกาสและความท้าทายในยุคปัจจุบัน
- 6. คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเข้าสู่วงการ
- 7. การพัฒนาตนเองในยุคดิจิทัล
- 8. ความสำคัญของการสร้างผลงาน
- 9. การรับมือกับความท้าทายในวงการ
- 10. มุมมองต่ออนาคตของวงการภาพยนตร์และสื่อ
- Q&A: ถามตอบเกี่ยวกับอาชีพผู้กำกับ
- วีดีโอย้อนหลังงานสัมนาฉบับเต็ม
เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่านที่กำลังสนใจงานด้านการผลิตวิดีโอ โปรดักชั่น ภาพยนตร์ และสื่อทุกแขนง ทั้งนี้ Sixtygram Digital Marketing Agency ขอเชิญชวนสถาบันการศึกษาที่สนใจจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันนี้ สามารถติดต่อเราได้ทันที เรายินดีให้การสนับสนุนรับเป็นวิทยากรให้การบรรยายโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาบุคลากรคุณภาพสู่วงการสื่อและภาพยนตร์ไทยต่อไป
สำหรับตอนนี้ เริ่มต้นกันเลยที่หัวข้อแรก
1. จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการภาพยนตร์
1.1 จากสถาปนิกสู่วงการภาพยนตร์
คุณพีระพันธ์ เหล่ายนตร์ เริ่มต้นอาชีพในฐานะสถาปนิก แต่หลังจากทำงานได้ 3 ปี เขาเริ่มรู้สึกเบื่อกับงานนั่งโต๊ะ ประกอบกับช่วงนั้นเกิดวิกฤตฟองสบู่แตก ทำให้เขาตัดสินใจลาออกและมองหาโอกาสใหม่ การตัดสินใจครั้งนี้นำพาเขาสู่เส้นทางในวงการภาพยนตร์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตการทำงานของเขา
1.2 โอกาสแรกในวงการภาพยนตร์
โอกาสแรกของคุณพีระพันธ์ในวงการภาพยนตร์คือการทำงานเป็น Art Director ในภาพยนตร์เรื่อง “กำแพง(1999)” ซึ่งนำแสดงโดยปิ่น เก็จมณี และฟลุ๊ค เกริกพล นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้สัมผัสกับโลกของการสร้างภาพยนตร์อย่างใกล้ชิด และเป็นประสบการณ์ที่เปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้งานในหลากหลายด้านของการผลิตภาพยนตร์
1.3 ความสำคัญของการรู้จักคนในวงการ
คุณพีระพันธ์เน้นย้ำว่าการรู้จักคนในวงการเป็นปัจจัยสำคัญในการได้งาน เขาเล่าถึงประสบการณ์การได้โอกาสทำงานผ่านการแนะนำของคนรู้จัก และการพบปะพูดคุยกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ ความสัมพันธ์และเครือข่ายที่สร้างขึ้นในวงการนี้มีส่วนสำคัญในการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ และการได้รับงานในโปรเจกต์ต่างๆ
2. บทบาทและหน้าที่สำคัญในกองถ่าย
2.1 Producer (โปรดิวเซอร์)
Producer เป็นผู้ดูแลภาพรวมและการเงินของโครงการ มีหน้าที่สำคัญในการหาเงินทุนและควบคุมงบประมาณ ในบางกรณี โดยเฉพาะในประเทศไทย Producer อาจเป็นคนเดียวกับผู้กำกับ ซึ่งทำให้การตัดสินใจในด้านการสร้างสรรค์และการเงินเป็นไปอย่างสอดคล้องกัน แต่ก็อาจเป็นความท้าทายในการบริหารจัดการทั้งสองด้านพร้อมกัน
2.2 Director (ผู้กำกับ)
ผู้กำกับเป็นผู้ควบคุมงานสร้างสรรค์ทั้งหมดในการผลิตภาพยนตร์ มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดในกองถ่าย และรับผิดชอบต่อผลงานที่ออกมาทั้งหมด คุณพีระพันธ์เล่าว่า การเป็นผู้กำกับนั้นเป็นงานที่ท้าทายและสนุกที่สุด เพราะได้ควบคุมทุกแง่มุมของการสร้างภาพยนตร์ แต่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูงมากเช่นกัน
2.3 Assistant Director (ผู้ช่วยผู้กำกับ)
ผู้ช่วยผู้กำกับมีหน้าที่ในการจัดการกองถ่าย ซึ่งไม่ใช่งานสร้างสรรค์โดยตรง แต่เป็นงานบริหารจัดการที่สำคัญมาก แบ่งเป็น First Assistant Director ที่ดูแลการถ่ายทำในฉาก และ Second Assistant Director ที่ดูแลนอกฉาก พวกเขามีหน้าที่ควบคุมเวลาและจัดการตารางการถ่ายทำ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำให้การผลิตภาพยนตร์เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
2.4 Art Director (ผู้กำกับศิลป์)
ผู้กำกับศิลป์มีหน้าที่ดูแลฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก โดยต้องตีความบทและสร้างสรรค์องค์ประกอบทางภาพให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ คุณพีระพันธ์เล่าถึงประสบการณ์การเป็น Art Director ว่าเป็นงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายในการจัดการวัสดุอุปกรณ์จำนวนมาก และต้องทำงานหนักทั้งก่อนและหลังการถ่ายทำ
2.5 Director of Photography (ผู้กำกับภาพ)
ผู้กำกับภาพมีหน้าที่วางแผนการถ่ายทำภาพรวม ควบคุมทีมกล้องและแสง รวมถึงตีความบทและสร้างสรรค์ภาพให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ คุณพีระพันธ์เล่าว่า การเป็นผู้กำกับภาพนั้นเป็นงานที่ท้าทายและสนุก เพราะได้สร้างสรรค์งานศิลปะผ่านภาพเคลื่อนไหว แต่ก็ต้องมีความรู้ทางเทคนิคและการทำงานร่วมกับทีมอย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านตำแหน่งทั้งหมดในกองถ่ายโปรดักชั่น(Production) ต่อเลย
3. เทคนิคและอุปกรณ์ในการถ่ายทำ
3.1 การใช้ Slate (แผ่นดำ)
Slate หรือแผ่นดำ เป็นอุปกรณ์สำคัญในการซิงค์ภาพและเสียง โดยเฉพาะในยุคของการถ่ายทำด้วยฟิล์ม คุณพีระพันธ์อธิบายว่า Slate มีข้อมูลสำคัญเช่น ชื่อเรื่อง, ฉาก, take, วันที่ถ่ายทำ ซึ่งช่วยในการระบุตำแหน่งที่แน่นอนของภาพและเสียง การตี Slate อย่างถูกต้องมีความสำคัญมากในกระบวนการตัดต่อและการซิงค์เสียงในภายหลัง
3.2 การบันทึกเสียง
คุณพีระพันธ์อธิบายถึงความแตกต่างระหว่างการใช้ไมค์บูมและไมค์ไร้สาย โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของ Boom Operator ในการเก็บเสียงที่มีคุณภาพ เขาเล่าถึงความท้าทายในการทำงานร่วมกันระหว่างทีมเสียงและทีมภาพ และยกตัวอย่างสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในกองถ่าย เช่น การจัดการกับเสียงรบกวนจากอุปกรณ์ต่างๆ
3.3 Time Code และการซิงค์ในยุคดิจิทัล
ในยุคดิจิทัล การซิงค์ภาพและเสียงมีความซับซ้อนน้อยลง แต่ก็ยังคงมีความสำคัญ คุณพีระพันธ์อธิบายถึงวิธีการใช้ Time Code ในการระบุตำแหน่งที่แน่นอนของภาพและเสียง และวิธีการทำงานของ DIT (Digital Imaging Technician) ในการจัดการไฟล์ดิจิทัล เขายังเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างการทำงานในยุคฟิล์มและยุคดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีในวงการภาพยนตร์
4. การเลือกสายงานในวงการภาพยนตร์
4.1 สายงานจัดการ
งานจัดการในวงการภาพยนตร์ เช่น ตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับ, Producer, Production Manager เหมาะสำหรับคนที่ชอบงานบริหารจัดการ การวางแผน และการแก้ปัญหา คุณพีระพันธ์เล่าถึงประสบการณ์การทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับ ว่าเป็นงานที่ท้าทายและต้องใช้ทักษะการจัดการสูง แต่อาจไม่ได้มีส่วนร่วมในงานสร้างสรรค์มากนัก เขาแนะนำว่าผู้ที่ชอบงานด้านนี้มีโอกาสก้าวหน้าสู่ตำแหน่ง Producer หรือ Executive Producer ได้ในอนาคต
4.2 สายงานสร้างสรรค์
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานสร้างสรรค์ คุณพีระพันธ์แนะนำตำแหน่งเช่น ผู้กำกับ ผู้กำกับภาพ Art Director หรือ Editor งานเหล่านี้เหมาะสำหรับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์ และชอบการทำงานที่ได้แสดงออกทางศิลปะ เขาเล่าถึงความสุขและความท้าทายในการทำงานสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในตำแหน่งผู้กำกับ ที่ต้องควบคุมทุกแง่มุมของการสร้างภาพยนตร์ แต่ก็ได้รับความพึงพอใจสูงเมื่อเห็นผลงานสำเร็จ
5. โอกาสและความท้าทายในยุคปัจจุบัน
คุณพีระพันธ์กล่าวว่า ในยุคปัจจุบัน การเริ่มต้นทำงานในวงการภาพยนตร์และสื่อทำได้ง่ายขึ้นมาก เนื่องจากอุปกรณ์และเทคโนโลยีเข้าถึงได้ง่ายและมีราคาถูกลง เขายกตัวอย่างว่า สมัยก่อนการทำสีภาพยนตร์ต้องใช้อุปกรณ์ราคาหลายล้านบาท แต่ปัจจุบันสามารถทำได้ด้วยคอมพิวเตอร์ส่วนตัวราคาไม่กี่หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าแม้โอกาสจะมากขึ้น แต่การประสบความสำเร็จยังคงต้องใช้ความพยายามและความสามารถเช่นเดิม คุณพีระพันธ์เปรียบเทียบว่า ในอดีตอาจมีคน 500 คนแข่งขันกันเพื่อเป็นนักร้องดัง 1 คน แต่ในปัจจุบัน แม้จะมีช่องทางเช่น YouTube ที่ทำให้คนสามารถสร้างผลงานได้ง่ายขึ้น แต่จำนวนคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ ก็ยังคงมีสัดส่วนใกล้เคียงกับในอดีต
6. คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเข้าสู่วงการ
คุณพีระพันธ์ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเข้าสู่วงการภาพยนตร์และสื่อ โดยเน้นย้ำว่าการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงเป็นสิ่งสำคัญ เขาแนะนำให้เริ่มจากการทำงานเล็กๆ เช่น เป็นนักแสดง Extra หรือผู้ช่วยในกองถ่าย เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศการทำงานจริงและสร้างเครือข่ายในวงการ
นอกจากนี้ เขายังแนะนำให้ลองทำงานในหลายๆ ตำแหน่ง เพื่อค้นหาว่าตนเองชอบและถนัดงานแบบไหน คุณพีระพันธ์เล่าถึงประสบการณ์ของตนเองที่เริ่มจาก Art Director แล้วลองทำงานในตำแหน่งต่างๆ จนพบว่าชอบงานสร้างสรรค์มากกว่างานจัดการ
7. การพัฒนาตนเองในยุคดิจิทัล
คุณพีระพันธ์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เขาแนะนำให้ติดตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการถ่ายทำและตัดต่อ รวมถึงการเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ
เขายกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงจากยุคฟิล์มสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งทำให้กระบวนการทำงานหลายอย่างเปลี่ยนไป เช่น การซิงค์ภาพและเสียง หรือการทำสีภาพยนตร์ ผู้ที่สามารถปรับตัวและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เร็วจะมีความได้เปรียบในการทำงาน
8. ความสำคัญของการสร้างผลงาน
คุณพีระพันธ์กล่าวว่า ในยุคปัจจุบัน การสร้างผลงานเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำให้ตนเองเป็นที่รู้จักในวงการ เขาแนะนำให้ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ เช่น สมาร์ทโฟนหรือกล้องดิจิทัลราคาไม่แพง ในการสร้างผลงานของตนเอง
เขายังเน้นย้ำว่า คุณภาพของผลงานสำคัญกว่าอุปกรณ์ที่ใช้ การมีความคิดสร้างสรรค์และการเล่าเรื่องที่น่าสนใจสามารถทำให้ผลงานโดดเด่นได้ แม้จะใช้อุปกรณ์ที่ไม่แพงมาก
9. การรับมือกับความท้าทายในวงการ
คุณพีระพันธ์เล่าถึงความท้าทายต่างๆ ที่อาจพบในการทำงานในวงการภาพยนตร์และสื่อ เช่น ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน ความกดดันจากการทำงานกับงบประมาณและเวลาที่จำกัด หรือการต้องปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เขาแนะนำให้มีความอดทน เรียนรู้จากประสบการณ์ และพยายามรักษาสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้ การสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ได้
10. มุมมองต่ออนาคตของวงการภาพยนตร์และสื่อ
ในตอนท้าย คุณพีระพันธ์ได้แสดงมุมมองต่ออนาคตของวงการภาพยนตร์และสื่อ เขามองว่าเทคโนโลยีจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและการนำเสนอเนื้อหา เช่น การใช้ AI ในการสร้างภาพและเสียง หรือการพัฒนาของเทคโนโลยี VR และ AR
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด แต่หัวใจสำคัญของการสร้างภาพยนตร์และสื่อยังคงอยู่ที่การเล่าเรื่องที่สามารถสร้างอารมณ์และความรู้สึกร่วมให้กับผู้ชม ดังนั้น ผู้ที่มีทักษะในการเล่าเรื่องและเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์จะยังคงเป็นที่ต้องการในวงการนี้ต่อไป
คุณพีระพันธ์ทิ้งท้ายด้วยการกล่าวว่า วงการภาพยนตร์และสื่อเป็นวงการที่ท้าทายแต่น่าตื่นเต้น และเขาหวังว่าคนรุ่นใหม่จะนำพาวงการนี้ไปสู่ความก้าวหน้าและสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่าต่อไปในอนาคต