Amintra

30 มีนาคม 2025

Tiktok จีน(抖音) vs TikTok ทั่วไป แตกต่างกันอย่างไร?

ในประเทศจีน ไม่มี TikTok อย่างที่เราคุ้นเคยกัน แต่มี Douyin (抖音) หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “โต่วอิน” ซึ่งเป็นแอปวิดีโอสั้นจากบริษัท ByteDance เจ้าเดียวกับ TikTok นั่นแหละ เพียงแต่ว่า Douyin เปิดให้ใช้งานเฉพาะในจีนเท่านั้น และไม่สามารถเข้าถึงคอนเทนต์จากต่างประเทศได้

logo tiktok จีน

ปัจจุบัน Tiktok จีน อย่างโต่วอินมีผู้ใช้งานต่อวันมากกว่า 400 ล้านคน และกลายเป็นแอปยอดฮิตที่ผสมผสานทั้งความบันเทิงและการช้อปออนไลน์แบบครบจบในที่เดียว ตั้งแต่การซื้อของ ไลฟ์ขายของ จองโรงแรม หรือแม้แต่ซื้อตั๋วอีเวนต์ต่าง ๆ ผ่านแอปได้เลย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลช้อปปิ้งอย่าง วันคนโสด(Singles’ Day) อินฟลูเอนเซอร์จีนบางรายสามารถทำรายได้ถึงหลักแสนบาทต่อวันจากการขายของผ่าน Douyin

โดยในช่วงหลังมานี้ Tiktok จีน พัฒนาเร็วมาก โดยเฉพาะในด้าน Social Commerce ที่ไปไกลกว่า TikTok เวอร์ชันทั่วไปพอสมควร ทั้งระบบไลฟ์ขายของ การจองบริการ และฟีเจอร์สนับสนุนแบรนด์แบบครบเครื่อง ในขณะที่ฝั่งตะวันตกกำลังวุ่นกับประเด็นความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน TikTok ล่าสุดทางการสหรัฐฯ ถึงขั้นออกกฎหมายบังคับให้ ByteDance ต้องขายกิจการ TikTok ในประเทศภายใน 1 ปี ไม่เช่นนั้นอาจโดนแบน Douyin เลยกลายเป็นมากกว่าแค่เวอร์ชันจีนของ TikTok แต่เป็นเสาหลักสำคัญของ ByteDance ที่สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของเทคโนโลยีโลกที่เริ่มแบ่งขั้วชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

Tiktok จีน(Douyin) แตกต่างจาก Tiktok ทั่วไป อย่างไร?

tiktok vs

แม้จะถูกพัฒนาโดยบริษัทเดียวกันอย่าง ByteDance แต่ TikTok เวอร์ชันสากล และ TikTok จีน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Douyin (抖音) กลับเป็นสองแพลตฟอร์มที่แยกขาดจากกันอย่างชัดเจน โดย TikTok เปิดให้บริการในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก รองรับมากกว่า 75 ภาษา ขณะที่ Douyin ใช้งานได้เฉพาะในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ทั้งยังมีระบบหลังบ้าน เซิร์ฟเวอร์ และแนวทางการจัดการคอนเทนต์ที่เป็นอิสระจากกันโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ ผู้ใช้งาน TikTok ไม่สามารถเข้าถึงบัญชีหรือคอนเทนต์จาก Douyin ได้ และในทางกลับกัน ผู้ใช้งาน Douyin ก็ไม่สามารถดูคอนเทนต์จาก TikTok ได้เช่นกัน

แม้โครงสร้างของแอปทั้งสองดูผิวเผินอาจจะคล้ายกันในแง่ของการเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น แต่เมื่อพิจารณาให้ลึกลงไป ทั้งด้านการเข้าถึง กลุ่มผู้ใช้งาน ฟีเจอร์ ระบบอีคอมเมิร์ซ รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดกลับมีความแตกต่างกันที่น่าสนใจอย่างมาก ในหัวข้อนี้ เราจึงจะพาคุณไปพบกับ 6 ความแตกต่างสำคัญระหว่าง TikTok จีน (Douyin) และ TikTok ทั่วไป เพื่อให้เข้าใจบริบทของทั้งสองแพลตฟอร์มได้อย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้นกัน อันได้แก่

1. การเข้าถึง (Accessibility)

douyin.jpg

Douyin ใช้งานได้เฉพาะในจีนแผ่นดินใหญ่ และสามารถดาวน์โหลดได้ผ่าน App Store ของจีนเท่านั้น ส่วน TikTok ให้บริการในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และรองรับมากกว่า 75 ภาษา ทั้งสองแอปไม่มีการเชื่อมโยงกัน ผู้ใช้ TikTok ไม่สามารถเข้าถึงบัญชีหรือคอนเทนต์ของ Douyin ได้ และผู้ใช้ Douyin ก็ไม่สามารถดูคอนเทนต์จากต่างประเทศผ่าน TikTok ได้เช่นกัน โดยการแยกแพลตฟอร์มออกจากกันนี้เกิดจากข้อกำหนดด้านกฎหมายและการควบคุมเนื้อหาของจีน ที่ต้องการให้แอปภายในประเทศอยู่ภายใต้กฎระเบียบของรัฐอย่างเคร่งครัด

2. เนื้อหาและอัลกอริทึม (Content & Interface)

DouyinEcom cover1

แม้หน้าตาแอปจะคล้ายกัน แต่เนื้อหาใน TikTok และ Douyin แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง Douyin เน้นเนื้อหาที่เหมาะกับคนจีน เช่น การพัฒนาทักษะ ความรู้ทั่วไป รีวิวสินค้า หรือไลฟ์สไตล์ของคนทำงาน ส่วน TikTok ในไทยมักจะมีความบันเทิงมากกว่า เช่น เพลง เต้น คลิปไวรัล และมักเน้นครีเอเตอร์อิสระที่สร้างสรรค์คอนเทนต์ศิลปะ ดนตรี และอารมณ์ขัน โดย Douyin ยังมีฟีเจอร์เฉพาะในหน้าโฮม เช่น การจัดอันดับบัญชียอดนิยมตามหมวดหมู่ หรือแบนเนอร์ที่พาผู้ใช้ไปยังแคมเปญของแบรนด์อย่างรวดเร็ว

3. กลุ่มผู้ใช้งาน (User Demographics)

คนแก่ใช้ tiktok scaled

TikTok ได้รับความนิยมในกลุ่ม Gen Z และกำลังขยายไปยังผู้ใช้งานวัยผู้ใหญ่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 35-55 ปีในสหรัฐฯ ส่วน Douyin มีฐานผู้ใช้เป็นกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุชาวจีน โดยมีรายงานว่า Douyin เป็นแอปที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ใช้อายุ 50 ปีขึ้นไป โดยDouyin ยังมีระบบควบคุมเวลาการใช้งาน เช่น การเตือนหรือบังคับหยุดดูหากใช้งานนานเกินไป โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางการดูแลผู้ใช้ที่แตกต่างจาก TikTok อย่างชัดเจน

4. อีคอมเมิร์ซและระบบไลฟ์สด (E-Commerce & Livestreaming)

Douyin สั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ผ่าน Tiktok จีนได้เลย
Douyin สั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ผ่าน Tiktok จีนได้เลย

หนึ่งในความได้เปรียบของ Douyin คือระบบอีคอมเมิร์ซในแอปที่ครบวงจร ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่านวิดีโอหรือไลฟ์สดได้ทันทีโดยไม่ต้องออกจากแอป แม้กระทั่งสั่งอาหารเดลิเวอรี่ก็ยังทำได้ ระบบนี้รองรับการเชื่อมโยงกับร้านค้าออนไลน์ของจีน รวมถึงการจ่ายเงินผ่าน Douyin Pay ซึ่ง TikTok เองเริ่มทดลองระบบ TikTok Shop ในบางประเทศบ้างแล้ว แต่ยังไม่เข้มข้นเท่า Douyin ที่ได้จัดทำระบบ Payment ของตนเอง และยังเน้นที่ความบันเทิงมากกว่าการขายโดยตรง

5. อินฟลูเอนเซอร์และการตลาด (KOLs & Marketing Strategy)

Official KOL all scaled.jpg

Douyin สนับสนุนการทำการตลาดผ่าน KOL (Key Opinion Leader) อย่างเต็มรูปแบบ โดยเปิดโอกาสให้แบรนด์ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ผ่านฟีเจอร์เฉพาะ เช่น หน้าแนะนำสินค้า ปุ่มช้อป หรือแคมเปญแฮชแท็กที่ออกแบบเฉพาะสำหรับตลาดจีน ซึ่งแตกต่างจาก TikTok ที่มักจำกัดอยู่เพียงการใส่ลิงก์ใน Bio หรือสื่อสารแบบไม่ซับซ้อน

6. ระบบการควบคุมเนื้อหา (Censorship & Content Regulation)

tiktok data china 708x400 1

Douyin อยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างใกล้ชิด มีการกรองหรือลบเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐ เช่น การวิจารณ์รัฐบาล เศรษฐกิจ หรือความขัดแย้งในครอบครัว ขณะที่ TikTok แม้จะถูกจับตามองในบางประเทศเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล แต่ยังไม่อยู่ภายใต้ระบบเซ็นเซอร์แบบเข้มงวดเดียวกับ Tiktok จีน

คุณสมบัติ

Douyin (จีน)

TikTok (ทั่วไป)

พื้นที่ให้บริการ

ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น

ทั่วโลก (ยกเว้นจีน)

กลุ่มผู้ใช้งานหลัก

อายุ 18–45 พบมากในเมืองใหญ่

อายุ 16–35 กลุ่ม Gen Z เด่นชัด

คอนเทนต์ยอดนิยม

ความรู้ ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ

ความบันเทิง ดนตรี การเล่าเรื่อง

อีคอมเมิร์ซ

มีร้านค้าในแอปแบบครบวงจร สั่งซื้อได้โดยตรงในแอป

จำกัด (เช่น โฆษณาสินค้า ลิงก์พันธมิตร)

การไลฟ์สด

ช่องทางหลักสำหรับการขายสินค้า

ใช้เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดตามเป็นหลัก

อินฟลูเอนเซอร์

KOL ใช้หน้าแนะนำสินค้า และขายผ่านไลฟ์สด

จำกัด ส่วนใหญ่ใช้การกล่าวถึงในโปรไฟล์ (Bio)

เครื่องมือการตลาด

มีเครื่องมือวิเคราะห์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายขั้นสูงในแอป

มีเครื่องมือเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ (เช่น TikTok Ads Manager)

แม้ Douyin และ TikTok อาจดูเหมือนกันภายนอก แต่ภายในนั้นเต็มไปด้วยความแตกต่าง ทั้งในแง่กลยุทธ์ ฟีเจอร์ ผู้ใช้งาน และเป้าหมายของแพลตฟอร์ม Douyin ถูกออกแบบเพื่อรองรับพฤติกรรมและข้อกำหนดเฉพาะของจีนอย่างลึกซึ้ง ขณะที่ TikTok เน้นความบันเทิงและการเข้าถึงทั่วโลก สำหรับแบรนด์และนักการตลาด การเข้าใจความแตกต่างนี้คือกุญแจสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์มอย่างแท้จริง