หลายคนอาจเคยคิดเหมือนผมว่า ทำไมปล่อยโพสต์ออกไปแล้วมันเงียบจัง ทั้งๆ ที่คิดว่าเรื่องนี้กำลังเป็นกระแส? อยู่นะ หรือบางครั้งเห็นคู่แข่งปล่อยแคมเปญมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่กลับได้ผลตอบรับดีอย่างน่าเหลือเชื่อ? ความต่างอาจไม่ใช่แค่เรื่องไอเดีย แต่อยู่ที่ ใครจับสัญญาณเทรนด์ตลาดได้ไวกว่า ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยเรื่องนี้ได้แบบไม่ต้องเดาเลยก็คือ Google Trends ครับ
ในวันนี้ Sixtygram เลยอยากพาคุณไปรู้จักว่า Google Trends คืออะไร ใช้อย่างไร และทำไมมันถึงกลายเป็นเครื่องมือที่นักการตลาด คอนเทนต์ครีเอเตอร์ และเจ้าของแบรนด์หลายคนเริ่มใช้เพื่อวางแผนก่อนใคร เราจะพาไล่ตั้งแต่การใช้งานเบื้องต้น ไปจนถึงวิธีดูว่าเทรนด์ไหนควรเกาะ เทรนด์ไหนควรปล่อยผ่าน เพื่อให้คุณไม่ต้องทำคอนเทนต์จากความรู้สึกอีกต่อไป แต่สร้างจาก “ข้อมูลจริง ”ที่สะท้อนพฤติกรรมของผู้คนแบบเรียลไทม์
Google Trends คืออะไร?
Google Trends(กูเกิลเทรนด์) คือเครื่องมือฟรีจาก Google ที่ช่วยให้คุณเห็นว่า ตอนนี้ผู้คนกำลังสนใจเรื่องอะไร โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้งาน Google Search จริง ๆ แบบเรียลไทม์จากแหล่งข้อมูลทั้งหมดของ Google ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นคำค้นหา (Keyword) สินค้า ประเด็นข่าว หรือแม้แต่ชื่อบุคคล คุณสามารถดูแนวโน้มความนิยมของคำเหล่านี้ได้ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ครอบคลุมตั้งแต่ระดับประเทศ จังหวัด ไปจนถึงทั่วโลก
สิ่งที่ทำให้ Google Trends แตกต่างจากเครื่องมือทั่วไปคือ มันไม่ได้บอกแค่ปริมาณการค้นหา แต่ยังแสดงแนวโน้มว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า พร้อมให้คุณเปรียบเทียบคำค้นหลายคำในกราฟเดียวได้ด้วย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดูเฉพาะแพลตฟอร์ม เช่น Google Search, YouTube, หรือ Google Shopping ได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ Google Trends กลายเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ตลาดที่ทั้งเร็ว แม่นยำ และเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับใช้วางแผนคอนเทนต์ SEO โฆษณา หรือแม้แต่การเปิดตัวสินค้าใหม่
ประโยชน์จาก Google Trends กับสายงานต่าง ๆ
ด้วยความที่ Google Trends ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือวัดกระแส แต่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้คนแบบเรียลไทม์ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้กับหลากหลายสายอาชีพ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวงการตลาด ธุรกิจ อสังหา หรือคอนเทนต์ ซึ่งข้อมูลจาก Google Trends สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจที่พึ่งความรู้สึก ให้กลายเป็นการวางแผนที่แม่นยำด้วยข้อมูล
1. นักการตลาด / วางแผนแคมเปญ
ในสายงาน การตลาดและแผนแคมเปญ Google Trends ช่วยให้คุณวางกลยุทธ์ได้ตามฤดูกาลหรือกระแสที่กำลังพุ่งจริง เช่น หากเห็นว่าคำว่า “ของขวัญวันแม่” เริ่มเป็นที่สนใจในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม นั่นหมายถึงคุณควรปล่อยแคมเปญตั้งแต่ต้นสิงหาคม ไม่ใช่รอให้ถึงวันจริง ทำให้แบรนด์สามารถ “ขึ้นเทรนด์” ได้ก่อนใคร และยังมีข้อมูลจากพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เลือกยิงโฆษณาได้อย่างแม่นยำ
2. SEO และสายเขียนคอนเทนต์
ในสาย SEO และคอนเทนต์ Google Trends กลายเป็นตัวช่วยชั้นดีในการเลือกคีย์เวิร์ดแบบไม่ต้องเดา ช่วยให้รู้ว่าคำไหน “กำลังพุ่ง” คำไหน “ตกเทรนด์” ใช้วางแผนบทความได้ตรงจังหวะ และสามารถเปรียบเทียบหลายคำเพื่อเลือกคำที่ทั้งมี volume และกำลังเป็นที่สนใจ เหมาะสำหรับการเขียนบล็อก การจัดหมวดหมู่เว็บไซต์ หรือแม้แต่การวางแผน Keyword Cluster ระยะยาว
3. นักธุรกิจ / เจ้าของแบรนด์
สำหรับ เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ Google Trends คือช่องทางดู Demand เบื้องต้นของตลาดโดยไม่ต้องจ้างวิจัยแพง ๆ คุณสามารถค้นหาคำที่เกี่ยวกับสินค้าของคุณ เช่น “วิตามินซีเด็ก”, “เครื่องฟอกอากาศในรถ” หรือ “น้ำมันงาดำ” แล้วดูแนวโน้มความสนใจที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วง หรือแต่ละพื้นที่ เพื่อวางไลน์สินค้าใหม่ หรือกระตุ้นโปรโมชันให้ถูกช่วง
4. นายหน้าอสังหา / ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
สาย นายหน้าอสังหา หรือผู้พัฒนาโครงการก็สามารถใช้ Google Trends ตรวจจับสัญญาณความต้องการในทำเลต่าง ๆ ได้เช่นกัน เช่น การค้นหาคำว่า “คอนโดใกล้ BTS อารีย์” หรือ “บ้านเดี่ยว รังสิต” ที่พุ่งขึ้นในบางช่วง สามารถบอกใบ้ได้ถึงทำเลที่เริ่มมีดีมานด์ และช่วยให้การปิดการขาย แนะนำเพื่อวางกลยุทธ์ให้กับลูกค้า การโฆษณาหรือการหาทรัพย์ได้ตรงจุดเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดได้มากยิ่งขึ้น
5. นักลงทุน / เทรดเดอร์
แม้แต่สาย นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ ก็สามารถใช้ Google Trends เป็นเครื่องมือวัด “ความร้อนแรงของกระแส” เช่น คำว่า “ทองคำ” หรือ “บิตคอยน์” เมื่อมีการค้นหาเพิ่มขึ้นแบบผิดปกติ ก็สามารถนำไปเทียบกับความเคลื่อนไหวในตลาด เพื่อช่วยวิเคราะห์ Sentiment เบื้องต้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
6. สาย Influencer / คอนเทนต์ครีเอเตอร์
สุดท้ายในสาย Influencer หรือ Creator การรู้ว่า “คนกำลังอยากรู้อะไร” ผ่าน Google Trends คือเครื่องมือสร้างคอนเทนต์ให้แม่นและไวกว่าใคร คุณสามารถหยิบคำที่พุ่งมาใช้ตั้งชื่อคลิป ตั้งแคปชั่น หรือทำซีรีส์เนื้อหาที่คนกำลังอยากเสพจริง ๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งดวง
การใช้งาน Google Trends
เริ่มต้นใช้งาน Google Trends ได้ง่ายมาก แค่เข้าไปที่ https://trends.google.com แล้วพิมพ์คำค้น (keyword) ที่คุณอยากรู้ เช่น “ลดน้ำหนัก”, “ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์”, หรือชื่อแบรนด์ของคุณ จากนั้น Google Trends จะพล็อตกราฟให้เห็นว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา คำนี้มีความนิยม “ขึ้น–ลง” อย่างไรในแต่ละช่วงเวลา
นอกจากกราฟแนวโน้มแล้ว คุณยังสามารถ
- เปรียบเทียบคำค้นหลายคำในกราฟเดียว (สูงสุด 5 คำ)
- เลือกช่วงเวลา (เช่น 7 วัน, 90 วัน, 5 ปี)
- เลือกพื้นที่ (ทั้งประเทศ จังหวัด หรือทั่วโลก)
- เลือกแพลตฟอร์ม (เช่น Google Search, YouTube, Google Images)
ยิ่งไปกว่านั้น Google Trends ยังมีหมวด “Trending Now” และ “Year in Search” ที่แสดงคำค้นยอดฮิตแบบเรียลไทม์ และเทรนด์ประจำปี ช่วยให้คุณรู้ทันกระแสแบบไม่ต้องนั่งส่องโซเชียลทุกวัน สำหรับคนทำคอนเทนต์ SEO หรือโฆษณา Google Trends คือเครื่องมือที่ทั้งฟรีและทรงพลัง ซึ่งหลายคนมองข้าม ทั้งที่มันอัปเดตไวกว่า Tools ส่วนใหญ่ในตลาด