ในยุคที่คอนเทนต์ดิจิทัลกลายเป็นส่วนสำคัญของทุกธุรกิจและทุกอาชีพ Chat AI ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของครีเอเตอร์ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นนักเขียน นักการตลาด หรือเจ้าของธุรกิจที่สร้างสื่อออนไลน์ การเลือกเครื่องมือที่ช่วยคิด ช่วยเขียน และช่วยวางแผนคอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
บทความนี้ Sixtygram จะพาคุณเปรียบเทียบ 5 Chat AI ชั้นนำ อย่าง ChatGPT vs Claude vs Perplexity vs DeepSeek vs Gemini ที่ผ่านการทดลองใช้งานจริงในบริบทของการเป็นครีเอเตอร์ โดยเน้นการประเมินเชิงลึกใน 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูล ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการปรับรูปแบบคอนเทนต์ การให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ และการวางระบบเวิร์กโฟลว์ที่มีประสิทธิภาพ
Chat AI คืออะไร?
Chat AI ย่อมาจาก “Chat-based Artificial Intelligence” หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถสนทนากับมนุษย์ผ่านข้อความได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาล ทำให้เครื่องมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่ตอบคำถามพื้นฐานได้เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยคิด วิเคราะห์ และสร้างเนื้อหาได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับมนุษย์จริง ๆ
ในบริบทของการทำงานสำหรับครีเอเตอร์ Chat AI มีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในด้านการวางแผนคอนเทนต์ การร่างบทความ การเขียนโพสต์โซเชียลมีเดีย การสรุปข้อมูล และแม้กระทั่งการวิเคราะห์ performance ของคอนเทนต์ก่อนหน้าเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ จุดแข็งของ Chat AI คือความสามารถในการ “ทำงานร่วม” กับผู้ใช้ ไม่ใช่แทนที่ ช่วยลดเวลาการทำซ้ำ เพิ่มไอเดีย และเป็นพาร์ตเนอร์ด้านความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์และความต้องการเฉพาะตัวของแต่ละคน
1. ChatGPT – เหมาะกับการใช้งานระยะยาวและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

คะแนน: 3.5/5 | ราคา: ฟรี / $20 ต่อเดือน (GPT-4)
ChatGPT จาก OpenAI เป็น Chat AI ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จุดเด่นหลักคือความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและเข้าใจบริบทของการสนทนาในระยะยาว ซึ่งช่วยให้สามารถต่อยอดไอเดียได้แบบมีเหตุผลและสัมพันธ์กับเนื้อหาที่ผ่านมา เมื่อทดสอบกับข้อมูลโพสต์บน LinkedIn จริง ChatGPT สามารถดึงข้อมูลมาวิเคราะห์เจาะลึก เช่น การแจกแจง engagement ตามวันและช่วงเวลา พร้อมเสนอแนะว่าควรโพสต์เมื่อไรถึงจะได้ผลดีที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถให้คำแนะนำแบบ actionable เช่น การตอบคอมเมนต์ใน 30 นาทีแรกเพื่อเพิ่ม reach
ด้านความคิดสร้างสรรค์ ChatGPT ให้ไอเดียคอนเทนต์ที่เจาะจงกับความสนใจของผู้ใช้ เช่น เสนอให้แชร์เบื้องหลังการถ่ายทำวิดีโอ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่มีอยู่แล้วในช่องและสามารถขยายต่อได้ทันที อีกจุดแข็งคือความสามารถในการแปลงคอนเทนต์เป็นหลายรูปแบบ เช่น สคริปต์วิดีโอ, โพสต์ LinkedIn, หรือ Twitter Thread โดยยังรักษาน้ำเสียงของแบรนด์ได้ดี ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับครีเอเตอร์ที่ต้องสื่อสารบนหลายแพลตฟอร์ม
ข้อสังเกตคือ คำตอบบางอย่างยังไม่สามารถนำไปใช้ได้ทันที และจำเป็นต้องปรับหรือเรียบเรียงซ้ำให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
2. Claude AI – ดีที่สุดสำหรับการสร้างเวิร์กโฟลว์และภาพจำลองระบบ

คะแนน: 3.5/5 | ราคา: ฟรี / $20 ต่อเดือน
Claude AI จาก Anthropic โดดเด่นด้านการนำเสนอข้อมูลอย่างมีระบบระเบียบและสามารถสร้าง mockup หรือเวิร์กโฟลว์ได้โดยอัตโนมัติ จุดเด่นที่ทำให้ Claude แตกต่างคือการใช้ความสามารถด้านโครงสร้างในการจัดวางข้อมูล เช่น สร้างตาราง editorial calendar, content pipeline หรือแม้แต่ระบบติดตามผลแบบ Notion-ready ได้ในไม่กี่บรรทัด
ในการใช้งานจริง Claude จะสรุปผลการวิเคราะห์ในรูปแบบที่ “เห็นภาพทันที” เช่น แผนภูมิแท่งหรือ flowchart โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องร้องขอ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับครีเอเตอร์ที่ต้องวางแผนงานหรือทำ presentation ให้ทีม
จุดอ่อนของ Claude คือ แม้จะเสนอไอเดียคอนเทนต์ได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สอดคล้องกับบริบทหรือข้อมูลจริง เช่น การไม่อิงโพสต์ที่เคยทำไว้ หรือการใช้คำแนะนำทั่วไปที่อาจไม่สะท้อนเสียงของแบรนด์ผู้ใช้จริง ๆ แต่สำหรับใครที่ต้องจัดการหลายขั้นตอน มีเวิร์กโฟลว์ซับซ้อน หรืออยากจำลองระบบการทำงานให้เห็นภาพก่อนลงมือจริง Claude คือเครื่องมือที่ตอบโจทย์ได้อย่างยอดเยี่ยม
3. Perplexity AI – เหมาะสำหรับการค้นคว้าและหาแหล่งข้อมูล

คะแนน: 2.5/5 | ราคา: ฟรี / $20 ต่อเดือน
Perplexity โดดเด่นในบทบาทของผู้ช่วยค้นคว้า มากกว่าการเป็นเครื่องมือสำหรับวางแผนหรือสร้างเนื้อหา จุดแข็งคือสามารถติดตามหัวข้อเฉพาะได้อย่างต่อเนื่องด้วยระบบ “follow-up” ที่เชื่อมโยงบทสนทนาให้ลึกขึ้น โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่ในทุกคำถาม ในระหว่างการใช้งาน ผู้เขียนพบว่าทุกครั้งที่ถามคำถาม Perplexity จะเสนอแหล่งข้อมูลประกอบอย่างละเอียด พร้อมลิงก์ที่เชื่อถือได้ ทำให้สามารถนำไปอ้างอิงหรือค้นคว้าต่อได้ทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อให้นำข้อมูลจริงมาใช้ในการวิเคราะห์หรือสร้างกลยุทธ์ เช่น ไฟล์ CSV จากโพสต์ LinkedIn พบว่าการตอบยังตื้นเกินไป เช่น ไม่สามารถสรุปเหตุผลที่บางโพสต์ perform ดีกว่าโพสต์อื่นได้จริง ๆ และไม่เข้าใจตัวตนของผู้ใช้เพื่อให้คำแนะนำที่เป็นเฉพาะทาง สรุปคือ Perplexity เหมาะสำหรับ “เฟสต้นน้ำ” ของการทำคอนเทนต์ เช่น ค้นหาเทรนด์ วิเคราะห์คู่แข่ง หรือเก็บข้อมูลเบื้องต้น แต่ยังไม่เหมาะกับการใช้วางแผนกลยุทธ์หรือสร้างเนื้อหาที่ปรับให้ตรงกับเป้าหมายแบรนด์
4. DeepSeek AI – ตัวเลือกฟรีที่มีศักยภาพในอนาคต

คะแนน: 2.5/5 | ราคา: ฟรี 100%
DeepSeek เป็น Chat AI ที่ยังอยู่ในช่วงการเติบโต แต่แสดงศักยภาพอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในโหมด “R1” ซึ่งออกแบบมาเพื่อประมวลผลแบบลึกและมีความเข้าใจบริบทมากขึ้น แม้จะต้องแลกมากับความเร็วที่ช้าลงบ้าง จากการใช้งานจริง DeepSeek สามารถให้คำตอบที่ครอบคลุม โดยเฉพาะเมื่อใช้งานเพื่อ brainstorm หรือเขียนโครงคอนเทนต์เบื้องต้น เช่น พาดหัว (Headline) โครงสร้างโพสต์ หรือ caption สำหรับโซเชียลมีเดีย
ข้อเสียที่สังเกตได้ชัดคือ ความเสถียรในการเข้าถึง ยังเจอปัญหา Server busy อยู่บ่อยครั้ง และเมื่อใช้งานนอกโหมด R1 คำตอบจะดูทั่วไปและไม่ต่างจากแชทบอท AI ทั่วไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เริ่มต้นในสายคอนเทนต์ หรือคนที่ยังไม่พร้อมลงทุนในเครื่องมือราคาแพง DeepSeek คือเครื่องมือฟรีที่ “ให้ได้มากกว่าที่คาด” และอาจกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในอนาคตหากพัฒนาต่อได้อย่างมั่นคง
5. Google Gemini – ทำงานไวแต่ขาดความแม่นยำเชิงลึก

คะแนน: 2/5 | ราคา: ฟรี / $20 ต่อเดือน
Google Gemini หรือชื่อเดิมคือ Bard เป็น Chat AI ที่มีจุดแข็งด้านการเชื่อมต่อกับ Google Search, Maps, Gmail และ Docs อย่างแน่นแฟ้น เหมาะสำหรับคนที่ใช้ Google Ecosystem อยู่แล้ว เพราะสามารถดึงข้อมูลมาช่วยวางเนื้อหาในชีวิตประจำวันได้ทันที เช่น สร้างอีเมล ตอบรีวิว หรือสรุปข้อมูล
อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบให้วิเคราะห์ไฟล์โพสต์ LinkedIn จริง Gemini ไม่สามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ลึก เช่น ไม่เข้าใจว่าโพสต์แบบ Carousel แม้จะมี reach สูง แต่ engagement ต่ำ และไม่สามารถแนะนำกลยุทธ์ใหม่ให้สอดคล้องกับข้อมูลเหล่านั้นได้ ด้านความคิดสร้างสรรค์ก็ยังคงค่อนข้างทั่วไป ไอเดียที่เสนอมีความซ้ำกับเครื่องมืออื่น และไม่มีลักษณะเฉพาะที่อิงจากตัวตนของผู้ใช้งานจริง
สรุปแล้ว Gemini เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับงาน “ร่างเบื้องต้น” หรือจัดการข้อความเร็ว ๆ ภายใต้โครงสร้างเดิม เช่น จดหมายหรือโพสต์โฆษณาแบบง่าย ๆ แต่ยังไม่ตอบโจทย์ครีเอเตอร์ที่ต้องการวางแผนคอนเทนต์เชิงกลยุทธ์
เปรียบเทียบ 5 Chat AI ตัวไหนใช้ดีที่สุด
หลังจากที่เราได้รีวิวการใช้งานจริงของทั้ง 5 Chat AI อย่างละเอียดแล้ว เราได้เห็นถึงจุดเด่น จุดด้อย และความเหมาะสมของแต่ละตัวที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นด้านความเร็ว ความแม่นยำในการวิเคราะห์ ความสามารถในการปรับให้เข้ากับเสียงของแบรนด์ หรือแม้แต่ความยืดหยุ่นในการจัดการ Workflow เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น บทสรุปต่อไปนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของแต่ละ Chat AI ว่าตัวไหนตอบโจทย์งานของคุณได้มากที่สุด
Chat AI | จุดเด่น | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|
ChatGPT | วิเคราะห์ลึก เก่งบริบท | ครีเอเตอร์ที่ต้องการ insight และ multi-format |
Claude | แผนภาพและระบบจัดการ | สายวางแผน/ทำระบบ content |
Perplexity | ค้นคว้าและ follow-up ข้อมูล | ช่วงวางกลยุทธ์หรือทำรีเสิร์ช |
DeepSeek | ใช้งานฟรี มีโหมดลึก | มือใหม่ งบน้อย หัด brainstorm |
Gemini | เร็วและเชื่อม Google ได้ดี | งานร่าง/จัดคำเบื้องต้นใน Google Ecosystem |
สุดท้าย Chat AI คือผู้ช่วย ไม่ใช่ผู้ตัดสิน สิ่งที่สร้างความต่างยังคงเป็น “ความคิด” และ “มุมมอง” ของคุณในฐานะครีเอเตอร์