AI คืออะไร?
ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อว่า AI (Artificial Intelligence) คือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ขั้นสูงที่ถูกออกแบบมาให้มีความสามารถคล้ายกับสมองมนุษย์ โดยเอไอ(AI) นั้นเป็นสาขาหนึ่งของวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบที่สามารถเลียนแบบกระบวนการคิดวิเคราะห์และเข้าใจกระบวนการทำงานของมนุษย์ได้

ความสามารถหลักของ AI คือการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่ง AI มีการประมวลผลได้เร็วกว่าสมองมนุษย์หลายล้านเท่า นอกจากนี้ AI ยังมีความสามารถในการเรียนรู้ การวางแผน และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยมนุษย์ในการคิดและตัดสินใจในหลากหลายด้าน
ตัวอย่างความสามารถของ AI ที่เห็นได้ในปัจจุบัน ได้แก่
การโต้ตอบการพูดสนทนากับมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติใน Voice Over Generator – ChatGPT ไปจนถึงการสร้างรูปภาพและกระทำการการตัดสินใจตามข้อมูลที่ได้รับแบบเรียลไทม์ใน Stable Diffusion ซึ่งในอดีต ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ(AI) จะมีข้อจำกัดในด้านประสาทสัมผัสที่ไม่มีเหมือนมนุษย์ แต่ในปัจจุบัน Tesla กำลังพัฒนา เทสลาบอต หรือ ออพติมัส(Optimus) หุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวได้และสามารถโต้ตอบในลักษณะที่คล้ายมนุษย์ อันเป็นข้อยืนยันว่าการพัฒนา AI ในปัจจุบันล้วนสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดบนทุกจินตนาการของมนุษย์ได้อย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้ AI จึงกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก

ประเภทของเทคโนโลยี AI
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI) ถูกจำแนกออกเป็น 7 ประเภท ตามหลักการทำงาน ความสามารถและความเหมาะสมของลักษณะงานที่ใช้ซึ่งแตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. Narrow AI
Narrow AI หรือ Weak AI เป็นประเภทของ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำงานเฉพาะทางอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีขีดความสามารถจำกัด แต่ก็สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำในขอบเขตที่กำหนด ตัวอย่างที่พบเห็นได้ทั่วไปคือ Alexa ของ Amazon และ Siri ของ Apple ที่ทำหน้าที่ผู้ช่วยเอไอ(AI Assistant)ที่ทำความเข้าใจและตอบสนองด้วยคำสั่งเสียงอย่างง่ายแก่ผู้ใช้ หรือระบบ AI ในรถยนต์ไร้คนขับของ Tesla ที่สามารถควบคุมการขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่กำหนด หรือ ปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกตั้งค่ามาเพื่อตอบคำถามในภารกิจของวิดีโอเกม เป็นต้น
2. General AI
General AI เป็นแนวคิดของ AI ที่มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ในทุกด้าน สามารถคิด เรียนรู้ และแก้ปัญหาได้อย่างยืดหยุ่น แม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มี General AI ที่สมบูรณ์ แต่นักวิจัยกำลังพยายามพัฒนาระบบที่มีความสามารถใกล้เคียง เช่น GPT-3 ของ OpenAI ที่สามารถเข้าใจและสร้างภาษามนุษย์ที่ซับซ้อนและหลากหลายตามวัฒนธรรมหรือภูมิภาคตามเขตพื้นที่ได้ หรือ AlphaFold ของ DeepMind ที่สามารถทำนายโครงสร้างโปรตีนได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถซับซ้อนหลากหลายมากขึ้น
3. Superintelligent AI
Superintelligent AI เป็นแนวคิดของ AI ที่มีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ในทุกด้าน แม้ว่าจะยังไม่มีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม แต่นักวิทยาศาสตร์และนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ได้จินตนาการถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น AI ที่สามารถแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ AI ที่สามารถค้นพบการรักษาโรคที่ยังไม่มีทางรักษาในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับความเป็นไปได้และผลกระทบทางจริยธรรมของเอไอ(AI Ethics)
4. Reactive machines
Reactive Machines เป็น AI ขั้นพื้นฐานที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยตรง โดยไม่มีความสามารถในการจดจำหรือใช้ประสบการณ์ในอดีต ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงคือ Deep Blue ของ IBM ที่สามารถเอาชนะแชมป์โลกหมากรุกได้ในปี 1996 โดยการวิเคราะห์ตำแหน่งหมากบนกระดานและคำนวณการเดินที่ดีที่สุดในแต่ละครั้ง นอกจากนี้ ยังมี AI ที่ใช้ในการพยากรณ์อากาศระยะสั้น ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลสภาพอากาศปัจจุบันเพื่อทำนายสภาพอากาศในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
5. Computer vision
Computer Vision เป็นเทคโนโลยี AI ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถมองเห็นและเข้าใจภาพดิจิทัลได้ ตัวอย่างการใช้งานที่พบเห็นได้ทั่วไปคือ ระบบจดจำใบหน้าในสมาร์ทโฟนที่ใช้ปลดล็อกอุปกรณ์ หรือกล้องอัจฉริยะในรถยนต์ที่สามารถตรวจจับคนเดินถนนและป้ายจราจร ในวงการแพทย์ไทย Computer Vision ถูกนำมาใช้ในโครงการ AI CHEST 4ALL การวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์เพื่อช่วยแพทย์ในการวินิจฉัยโรคได้แม่นยำยิ่งขึ้น(ใช้เวลาราว 50 msec)
6. Generative AI
Generative AI เป็นเทคโนโลยี AI ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ได้ ซึ่งเกิดจากเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่และสร้างเนื้อหาใหม่โดยอัตโนมัติตามคำสั่งที่ได้รับ โดยโมเดลพื้นฐานที่นิยมใช้คือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models – LLMs)
ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ DALL-E ของ OpenAI ที่สามารถสร้างภาพจากคำอธิบายที่เป็นข้อความ หรือ GPT-3 ที่สามารถเขียนบทความ เรื่องสั้น และแม้แต่โค้ดคอมพิวเตอร์ได้ เพียงแค่กรอก Promp(ชุดคำสั่งในรูปแบบข้อความอย่างง่าย) หรือในวงการดนตรี มี AI อย่าง MuseNet ที่สามารถแต่งเพลงในหลายสไตล์ และในวงการแฟชั่น มีการใช้ Generative AI ในการออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับรูปแบบใหม่ๆ เป็นต้น
7. Robotic Process Automation – RPA
RPA เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ซอฟต์แวร์โรบอทหรือหุ่นยนต์เพื่อทำงานที่เป็นกิจวัตรแทนมนุษย์ โดยเฉพาะในงานที่ต้องทำซ้ำๆ และมีกฎเกณฑ์ชัดเจน ตัวอย่างการใช้งาน RPA ที่พบเห็นได้บ่อยคือ ในธนาคารที่ใช้ RPA ในการประมวลผลใบสมัครสินเชื่อ โดยสามารถตรวจสอบข้อมูล คำนวณความเสี่ยง และตัดสินใจเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว หรือในบริษัทประกันภัยที่ใช้ RPA ในการจัดการเคลมประกันที่ไม่ซับซ้อน ช่วยลดเวลาในการดำเนินการและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า นอกจากนี้ ในอุตสาหกรรมการผลิต RPA ยังถูกใช้ในการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพสินค้าในสายการผลิตอัตโนมัติอีกด้วย
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

แม้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงและกำลังเปลี่ยนแปลงหลายภาคส่วนของสังคม อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา
ข้อดี
ข้อเสีย
การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบจำเป็นต้องคำนึงถึงทั้งข้อดีและข้อเสียเหล่านี้ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงและผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น
ปัญญาประดิษฐ์กับแง่มุมทางกฎหมายไทย

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันและภาคธุรกิจอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดความท้าทายทางกฎหมายในหลายด้าน ประเทศไทยและทั่วโลกจึงเริ่มตื่นตัวในการพัฒนากรอบกฎหมายเพื่อรองรับเทคโนโลยี AI อย่างเหมาะสม ซึ่งในปัจจุบัน ปี 2024 แม้ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะสำหรับกำกับดูแล AI แต่มีความพยายามในการพัฒนากรอบกฎหมายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
แนวปฏิบัติด้านจริยธรรม AI (AI Ethics Guidelines)
สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ได้จัดทำ “หลักการและแนวทางจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ของประเทศไทย” เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้วิจัย ผู้ออกแบบ ผู้พัฒนา และผู้ให้บริการ AI ในการใช้งานอย่างมีจริยธรรม นอกจากนี้ยังมีแนวปฏิบัติจากหน่วยงานอื่นๆ เช่น สวทช. และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ AI
- ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์แห่งประเทศไทย
- ร่างพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการที่ใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์
- ร่างประกาศเรื่องศูนย์ทดสอบนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI Sandbox)
- ร่างประกาศเรื่องการประเมินความเสี่ยงจากการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์
ประเด็นทางกฎหมายที่สำคัญเกี่ยวกับ AI
ความรับผิดทางแพ่งจากความเสียหายที่เกิดจาก AI
ในกรณีที่ AI ก่อให้เกิดความเสียหาย ปัจจุบันกฎหมายไทยยังไม่รองรับการฟ้องร้อง AI โดยตรง เนื่องจาก AI ไม่มีสถานะเป็นบุคคลตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายอาจดำเนินคดีได้โดย
- ฟ้องร้องผู้ครอบครองหรือควบคุม AI ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 437 ซึ่งกำหนดความรับผิดของผู้ครอบครองยานพาหนะที่เดินด้วยกำลังเครื่องจักรกล
- ฟ้องร้องผู้ประกอบการ ตามพระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 ซึ่งอาจครอบคลุมถึงความเสียหายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้ AI
ประเด็นลิขสิทธิ์ในผลงานที่สร้างโดย AI
กฎหมายลิขสิทธิ์ปัจจุบันยังไม่รองรับการคุ้มครองผลงานที่สร้างโดย AI อย่างชัดเจน เนื่องจาก หลักการลิขสิทธิ์มุ่งคุ้มครองการแสดงออกทางความคิดของมนุษย์เท่านั้น และ AI ไม่ถือเป็นผู้สร้างสรรค์ตามกฎหมาย เพราะขาดองค์ประกอบของ “การถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์” (Human Authorship) ถึงจะสามารถเข้าหลักเกณฑ์ของความคุ้มครองลิขสิทธิ์ในผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ยังเป็นที่ถกเถียงในระดับนานาชาติ และอาจต้องมีการปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ในอนาคตเพื่อรองรับผลงานที่สร้างโดย AI ต่อไปในอนาคต ซึ่งประเทศไทยกำลังเร่งพัฒนากรอบกฎหมายและนโยบายเพื่อรองรับ AI โดยมีแนวโน้มสำคัญ ดังนี้
- การจัดตั้งศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AIGC) เพื่อเป็นแหล่งความรู้และให้คำปรึกษาด้านธรรมาภิบาล AI
- การพัฒนาแพลตฟอร์มกลางบริการ AI ของประเทศไทย (National AI Service Platform)
- การสร้างระบบ Data Sharing เพื่อสนับสนุนการพัฒนา AI ในด้านต่างๆ
- การพัฒนากรอบการทำงานด้านปัญญาประดิษฐ์ของภาครัฐไทย (AI Government Framework)
การพัฒนากฎหมายและนโยบายด้าน AI ในประเทศไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ความท้าทายสำคัญคือการสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมและการคุ้มครองสิทธิของประชาชน รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ AI อย่างแพร่หลาย การพัฒนากฎหมาย AI จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องให้ความสนใจและมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางเพื่อให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น