รู้จัก สัญญารักษาความลับ(NDA) พร้อมดาวน์โหลดฟรี

ในโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ข้อมูลและทรัพย์สินทางปัญญากลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ สตาร์ทอัพ หรือกำลังหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ การรักษาความลับของข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ สัญญารักษาความลับ (NDA) จึงเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ช่วยคุ้มครองข้อมูลและสร้างความมั่นใจให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ในวันนี้ Sixtygram จะขอพาคุณไปรู้จักกับ NDA อย่างละเอียด รวมถึงวิธีการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมให้คุณ ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม NDA ฟรี เพื่อปกป้องธุรกิจของคุณได้ในทันที

สัญญารักษาความลับ (NDA) คืออะไร?

สัญญารักษาความลับ หรือ Non-Disclosure Agreement (NDA) คือสัญญาทางแพ่งซึ่งมีเนื้อหาเป็นข้อตกลงทางกฎหมายที่กำหนดให้ฝ่ายที่ได้รับข้อมูลต้องรักษาความลับของข้อมูลที่ได้รับไป และไม่สามารถเปิดเผยต่อบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต โดย NDA ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลทางธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา โดยมักใช้ในกรณีที่ต้องมีการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นความลับ เช่น ความลับทางการค้า การโฆษณา ชุดข้อมูลของลูกค้า แผนธุรกิจ และหรือเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาภายในบริษัท เป็นต้น

ในกรณีของ Sixtygram ซึ่งเป็นเอเจนซี่การตลาดที่ สัญญา NDA มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่ต้องการให้เราดำเนินการประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการก่อนเปิดตัว รวมถึงการจัดทำสื่อโฆษณาที่อาจมีข้อมูลลิขสิทธิ์หรือภาพถ่ายที่ยังไม่เปิดเผยสู่สาธารณะ NDA จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ส่งมอบให้ Sixtygram เพื่อดำเนินงานด้านโฆษณาจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยและไม่ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต

ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม NDA ฟรี

แบบฟอร์ม NDA ฉบับมาตรฐาน ให้คุณดาวน์โหลดฟรี ทั้งในรูปแบบ Word และ PDF เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและปรับแต่งได้ตามต้องการ เพราะการมีสัญญารักษาความลับที่เป็นลายลักษณ์อักษรช่วยให้คุณมีหลักฐานชัดเจนในการคุ้มครองข้อมูลสำคัญ และยังเพิ่มความมั่นใจให้แก่คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย หากคุณต้องการใช้งาน NDA ฉบับพร้อมใช้ สามารถ ดาวน์โหลดได้ที่นี่

สำหรับสัญญา NDA ที่ Sixtygram ใช้ร่วมกับลูกค้า มักครอบคลุมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตลาดและโฆษณา เช่น ภาพถ่ายที่ใช้ในการโฆษณา แนวคิดการตลาด แผนการเปิดตัวสินค้าใหม่ และเนื้อหาโฆษณาที่จะเผยแพร่ล่วงหน้า NDA ยังสามารถครอบคลุมถึงข้อมูลลิขสิทธิ์ต่างๆ เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์ โลโก้ หรือองค์ประกอบแบรนด์ CI ที่ยังไม่ได้เผยแพร่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการปกป้องเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบหรือเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต

การนำสัญญา NDA ไปใช้

สำหรับธุรกิจที่ต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญให้แก่คู่ค้า เอเจนซี่ หรือบุคคลภายนอก การใช้ สัญญารักษาความลับ (NDA) เป็นวิธีที่ช่วยปกป้องข้อมูลเชิงพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างมีประสิทธิภาพ NDA จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลเหล่านั้นจะได้รับการคุ้มครอง และสามารถนำไปใช้ได้อย่างปลอดภัย

ดังนั้น เมื่อทำสัญญา NDA ผู้นำไปใช้ควรระบุรายละเอียดที่สำคัญให้ครบถ้วน ได้แก่

• ข้อมูลคู่สัญญา ต้องระบุชื่อ ที่อยู่ และรายละเอียดของทั้งฝ่ายที่ให้ข้อมูลและฝ่ายที่รับข้อมูล เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อผูกมัดของแต่ละฝ่าย
• รายละเอียดข้อมูลที่ต้องรักษาความลับ เช่น รูปภาพสำหรับการโฆษณา แนวทางการตลาด แผนเปิดตัวสินค้า หรือข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เปิดเผย
• ขอบเขตของการใช้ข้อมูล ควรกำหนดอย่างชัดเจนว่าข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไร และมีข้อจำกัดอะไรในการนำไปใช้
• ระยะเวลาของ NDA ต้องกำหนดว่าการรักษาความลับของข้อมูลจะมีผลเป็นระยะเวลากี่ปี และสิ้นสุดลงเมื่อใด
• มาตรการป้องกันและบทลงโทษ หากมีการละเมิดข้อตกลง จะต้องมีบทลงโทษที่เหมาะสม เช่น การเรียกร้องค่าเสียหาย หรือการยุติสัญญา

อย่างไรก็ดี การใช้ NDA ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับข้อตกลงของแต่ละกรณี ผู้นำไปใช้สามารถปรับแก้เงื่อนไขให้เหมาะสมกับธุรกิจของตน หรือหากต้องการความมั่นใจสูงสุด แนะนำให้ปรึกษาทนายความเพื่อให้แน่ใจว่าสัญญามีความครบถ้วนและสามารถบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อแตกต่างระหว่าง NDA vs PDPA

หลายคนอาจสงสัยว่า สัญญารักษาความลับ (NDA) และ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) มีความแตกต่างกันอย่างไร แม้ว่าทั้งสองแนวคิดจะเกี่ยวข้องกับการรักษาความลับของข้อมูล แต่จุดประสงค์และการบังคับใช้กฎหมายของทั้งสองนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

NDA เป็นข้อตกลงทางกฎหมายในทางแพ่งที่ใช้ระหว่างองค์กรหรือบุคคลเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญหรือความลับทางธุรกิจถูกเปิดเผยแก่บุคคลภายนอก โดยทั่วไป NDA จะครอบคลุมข้อมูลที่มีผลต่อความได้เปรียบทางธุรกิจ เช่น แผนการตลาด สูตรผลิตภัณฑ์ หรือเทคนิคทางอุตสาหกรรม NDA มีผลบังคับใช้ระหว่างคู่สัญญาที่ตกลงร่วมกัน และมีบทลงโทษกรณีละเมิดข้อตกลง เช่น การเรียกค่าเสียหายหรือการฟ้องร้องทางกฎหมาย

ในทางกลับกัน PDPA เป็นกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา โดยกำหนดให้หน่วยงานที่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน และต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส นอกจากนี้ PDPA ยังเน้นไปที่สิทธิของเจ้าของข้อมูล เช่น สิทธิในการเข้าถึง แก้ไข หรือขอให้ลบข้อมูลของตนเอง ซึ่งแตกต่างจาก NDA ที่เน้นปกป้องข้อมูลภายในองค์กรมากกว่า

ดังนั้น เราสามารถกล่าวโดยสรุปได้ว่า NDA มักถูกใช้ในแง่การปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับทางธุรกิจระหว่างคู่สัญญา ในขณะที่ PDPA เป็นกฎหมายที่มุ่งเน้นการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนทั่วไป ดังนั้น สำหรับวิธีที่รัดกุมที่สุดสำหรับองค์กรที่ต้องการใช้ข้อมูลลูกค้า ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตาม PDPA ควบคู่ไปกับ NDA เสมอเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นนั่นเอง

ประเภทของ NDA

สัญญา NDA ที่นิยมใชกันในปัจจุบัน ทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทมีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้

การบังคับใช้ NDA

หากมีการละเมิด NDA ฝ่ายที่ได้รับความเสียหายสามารถส่งหนังสือแจ้งเตือนหรือโนติส(Notice) เพื่อให้ผู้ละเมิดหยุดการกระทำ หรือฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายหรือขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองข้อมูล หากการละเมิดเกี่ยวข้องกับการขโมยข้อมูลหรือจารกรรมทางอุตสาหกรรมของรัฐอาจมีการดำเนินคดีอาญาและทางปกครองอีกด้วย

สรุป

สัญญารักษาความลับ (NDA) เป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องข้อมูลทางธุรกิจและทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจด้านการตลาดและโฆษณาอย่าง Sixtygram ที่ต้องรับข้อมูลลับจากลูกค้าเพื่อสร้างแคมเปญโฆษณา การทำ NDA อย่างรัดกุมช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลสำคัญจะถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงของการเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต