AMINTRA

28 มีนาคม 2024

อินฟลูเอนเซอร์(Influencer) คืออะไร?

อินฟลูเอนเซอร์(Influencer) คือ บุคคลที่มีอิทธิพลหรือชื่อเสียงที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้สินค้าและบริการต่างๆ ของกลุ่มเป้าหมายกลุ่มหนึ่งซึ่งเรามักเรียกกันว่าผู้ติดตาม(Followers) ซึ่งเป็นการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่งที่ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีอิทธิพลมากในยุคดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, Tiktok และ X เช่นเดียวกันกับในบล็อกและเว็บไซต์อื่น ๆ เช่น YouTube, Twitch, บล็อกส่วนตัว และเว็บบอร์ด (เช่น Pantip, Reddit) หน้าที่หลักๆ ก็จะเป็นคนผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งภาพถ่าย คลิปวิดีโอ บทความ เป็นสื่อหลักที่อินฟลูเอนเซอร์มีส่วนร่วมกับกลุ่มผู้ติดตามได้นั้นเอง

สำหรับปี 2024 นั้น เรียกว่าตอนนี้เป็นปีทองของ Content Creator จริงๆ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแสอินฟลูเอนเซอร์นั้นมาแรงมาก วันนี้พวกเรา Sixtygram จะมาไขข้อข้องใจให้ทุกคนทราบกันว่า ทำไมอินฟลูถึงเป็นที่นิยม

เนื้อหาทั้งหมดของเรา ได้แก่!

ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์

5 TYPE INFLUENCER

การที่จะเข้าใจเรื่องอินฟลูเอนเซอร์ คืออะไรให้ครบถ้วน เราจะสามารถแบ่งประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ แบ่งตามยอดผู้ติดตาม และ แบ่งตามเนื้อหาของประเภทคอนเทนต์

1. แบ่งตามยอดผู้ติดตาม

การแบ่งประเภทอินฟลูเอนเซอร์ สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลักได้แก่

  1. Mega-Influencers (ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป) มักจะเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงทางออฟไลน์อย่าง ดารา นักร้อง นักกีฬา ซึ่งได้รับการติดตามมากกว่า 1 ล้านคนบนโซเชียลมีเดียต่างๆ มีไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนและโดดเด่นจึงเป็นผู้นำเทรด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียในวงกว้างทั้งผู้ติดตาม และผู้บริโภคทั่วไป เหมาะสำหรับธุรกิจหรือองค์กรขนาดใหญ่เนื่องจากใช้งบประมาณในการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่สูง หากแต่ผลลัพธ์ทางการตลาดจะสามารถคาดหมายได้มากที่สุด
  2. Macro-Influencers (ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000 คน) Macro Influencer สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า Mega Influencer มีผู้ติดตามรองลงมาจาก Mega แค่เล็กน้อย มักเป็น ดารา เน็ตไอดอล นักกีฬา หรือยูทูปเบอร์เฉพาะทาง (Niche) ซึ่งอาจจะมีความสามารถในการสร้าง Brand Awareness ต่อกลุ่มผู้ติดตามได้ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง – ใหญ่ ที่ต้องการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดที่แม่นยำ
  3. Mid-Tier Influencers (ผู้ติดตาม 100,000 – 500,000 คน อินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้อาจจะไม่ใช่ระดับ ดารา เซเลป แต่ก็ยังเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (influencer) ประเภทที่ทรงพลัง และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ติดตาม Mid-Tier Influencers สามารถเข้าถึงทางแบรนด์และผู้ติดตามได้อย่างเป็นวงกว้าง การเป็นอิลฟลูของ Mid-Tier อาจจะเริ่มสร้างมาจาก Nano Influencers ซึ่งอาจจะทำให้อินฟลูประเภทนี้มีประสบการณ์อย่างมากในการโปรโมทสินค้า เหมาะสำหรับธุรกิจร้านค้าออนไลน์ ที่ต้องการผลักดันยอดขาย
  4. Micro-Influencers (ผู้ติดตาม 10,000 – 100,000 คน) อินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้ มักเป็นผู้มีชื่อเสียงในความรู้เฉพาะตัวหรือเฉพาะด้าน มีความชอบส่วนตัว รู้จริงในด้านที่เขาสนใจ ซึ่งมักมีผู้ติดตามที่เป็นสาวกในเรื่องนั้น และมีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กันมาติดตาม อินฟลูประเภท Micro มักเข้าถึงได้ง่าย สร้างคอนเทนต์ออกมาตอบโจทย์ผู้ติดตามได้อย่างดี ซึ่งแบรนด์ต่างๆ มักเลือกใช้ Micro-Influencers เพราะถือว่ามีประสิทธิภาพอย่างมากในแง่ของการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ และความไว้วางใจ เหมาะสำหรับธุรกิจและร้านค้าขนาดเล็กที่เน้นการกระจายกลุ่มเป้าหมาย(แคมเปญ)ให้มากที่สุด โดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย
  5. Nano-Influencers (ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน) ด้วยจำนวนผู้ติดตามที่น้อยที่สุด ซึ่งอาจจะเริ่มจากคนทั่วไปที่มีชื่อเสียงและเป็นที่จดจำในกลุ่มคนรู้จัก เพื่อน หรือกลุ่มสังคมใดสังคมหนึ่ง อาจจะเป็น ดาวมหาลัย หัวหน้าห้อง หรือกลุ่มเพื่อนที่ชอบทำคอนเทนต์ด้วยกัน สำหรับอินฟลูสาย Nano นั้น เรามักจะสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเอง ความเรียล และเข้าถึงได้ง่าย เป็นการสร้างเอนเกจเม้น Engagement) ที่ดี เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจที่ต้องการสร้างตัวตนและการรับรู้(Brand Awareness)ทางการตลาดออนไลน์

2. แบ่งตามประเภทของคอนเทนต์

อินฟลูเอนเซอร์ในละประเภทนั้น ย่อมทำคอนเทนต์ออกมาแตกต่างกันออกไปตามความถนัดและกลุ่มเป้าหมายของตนเอง ดังนี้

อินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Influencer)

อินฟลูสายไลฟ์สไตล์ นับว่าเป็นคอนเทนต์ที่ยอดนิยมมากที่สุด มักรวมคอนเทนต์หลากหลายแบบไว้ในคนเดียว ซึ่งอินฟลูประเภทนี้อาจจะ ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองออกมาในหลากหลายแบบ เช่น ท่องเที่ยว เลี้ยงแมว แฟชั่น อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน เช่น

อินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้ (Beauty Influencer)

อินฟลูสายบิวตี้ หรือ Beauty Blogger อินฟลูสายนี้ส่วนใหญ่จะนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับความสวยความงาม ไม่ว่าจะด้าน การแต่งหน้า, การทำผม การแนะนำสกินแคร์ ไลฟ์สไตล์อื่น ๆ  เช่น

อินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยว (Travel Influencer)

อินฟลูสายท่องเที่ยวมักจะถ่ายทอดเรื่องราวคอนเทนต์ของตนเองออกมา ในรูปแบบแนะนำการเดินทางซึ่งมีตั้งแต่การแบคแพค การท่องเที่ยวแบบหรูหรา การท่องเที่ยวในฤดูกาลต่าง ๆ การรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว และรวมทั้งคำแนะนำในการเลือกที่พัก ร้านอาหารยอดนิยม และสายการบิน เช่น

อินฟลูเอนเซอร์สายกิน (Food Influencer)

อินฟลูสายกิน วงการฟู้ดบล็อกเกอร์อาจเป็นคนทั่วไป ดารา ไอดอลหรือผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่ได้รับความนิยมหรือการยอมรับจากคนจำนวนมากและมีความสามารถใจการชักจูงให้ผู้ติดตามไป ตามกิน ตามช้อปอาหาร หรือ ของกินประเภทต่างๆได้ เช่น

การเลือกใช้ Influencer ให้ได้ผลลัพท์สูงสุด

การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer marketing) กลายเป็นส่วนสำคัญหลักสำหรับการตลาดออนไลน์ไปแล้ว เนื่องจาก influencer ปัจจุบัน ไม่ใช่แค่การรีวิวสินค้าและบริการเพื่อสร้างการรับรู้กับกลุ่มผู้ติดตามหรือกลุ่มเป้าหมายเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการสร้างยอดเอนเกจเม้นหรือยอดขาย หากคุณยังไม่มั่นใจในการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ เราแนะนำให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านอินฟลูเอนเซอร์(KOLs) ที่จะมอบแผนการตลาด และการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

นี่คือประโยชน์และคำแนะนำทางการตลาดที่มีผลต่อการเลือกจ้างอินฟลู ซึ่งได้รับการพิสูจน์จากผลงานด้าน KOLs แล้วว่าการเลือกอินฟลูให้เหมาะกับธุรกิจของคุณจะทำให้คุณคุ้มค่ากับเวลา และช่วยให้คุณสร้าง Brand Awareness ต่อกลุ่มลูกค้าของคุณได้

ประโยชน์ของการใช้ Influencer

  1. เพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์: ยิ่งนักรีวิวเผยแพร่สินค้าและบริการของคุณออกสู่โลกออนไลน์มากเท่าไหร่ แบรนด์ของคุณย่อมสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้ติดตามได้ มักจะเหมาะกับแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ที่อยากเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
  2. เจาะกลุ่มตลาดใหม่: การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์อาจจะทำให้คุณเจาะลึกหรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะทางมากขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Bulldog จากประเทษอังกฤษ ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ชาย เลือกใช้แพลตฟอร์ม Tiktok+อินฟลูเอนเซอร์ ในการโปรโมทแบรนด์ ซึ่งแคมเปญนี้มีการแสดงผลถึง 29.8 ล้านครั้งและยอดขายเพิ่มขึ้น 5%-10%
  3. เพิ่มการติดตามโซเชียลมีเดีย: นี่คือขั้นแรกของการเริ่มสร้างแบรนด์ของคุณ เมื่อนักรีวิวผู้ถึงแบรนด์ของคุณผ่านการรีวิวในรูปแบบต่างๆ มีแนวโน้มที่ผู้ติดตามของนักรีวิวเหล่านั้นมักจะตามไปติดตามแบรนด์ของคุณด้วย 
  4. ได้รับความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ: เมื่อมีคนพูดถึงคุณในเชิงบวกผ่านการถ่ายทอดคอนเทนต์ที่หลากหลาย มักช่วยให้คุณได้รับชื่อเสียงที่ดีในโลกออนไลน์ได้ อินฟลูเอนเซอร์มักพูดถึงคุณและสนับสนุนแบรนด์ของคุณ การเริ่มต้นจากความน่าเชื่อถือนี้จะทำให้คุณมี Brand Awareness ที่ยั่งยืน
  5. เพิ่มการมีตัวต้นบนหลาย platform: ถ้าจะพูดให้เห็นภาพที่สุดก็คือ การที่คุณไม่ได้มีช่องทางของแบรนด์คุณในช่องทาง Tiktok แต่เมื่อคุณใช้อินฟลูเอนเซอร์รีวิวสินค้าและบริการ คุณก็จะมีตัวตนในแพลตฟอร์มนั้นๆ ขึ้นมาได้ทันที โดยที่คุณไม่ต้องมีบัญชีของแบรนด์คุณเลยด้วยซ้ำ การเลือกใช้ Influencer จึงเป็นหนึ่งในวิธีการที่จะหาแบรนด์ไปอยู่ใน platform ที่ไม่เคยไป

จะหาอินฟลูเอนเซอร์ได้จากไหน?

เมื่อคุณทราบถึงประเภทของอินฟลูเอนเซอร์และสายคอนเทนต์ที่คุณต้องการแล้ว แต่คุณจะหาอินฟลูเอนเซอร์ได้จากที่ไหนละ?  ซึ่งการหาอินฟลูเอนเซอร์อาจจะต้องคัดสรรอินฟลูที่สามารถส่งผลต่อแบรนด์ไปในทางบวกด้วย เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data) ยอดผู้ติดตาม (Follower) ยอดไลก์ (Like) หรือยอดแชร์ (Share) เราอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ จาก

1. ค้นหาผ่านแฮชแท็ก #

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าในสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์สายไหน ผู้คนทั่วไปหรืออินฟลูเอนเซอร์ก็มักจะติดแฮชแท็กไม่ว่าจะเป็น #Fyp #Pov #ติดเทรนด์ #รีวิวอาหาร ซึ่งวิธีการหาอินฟลูเบื้องต้น คุณสามารถเริ่มจากการเข้าไปยังแพลตฟอร์มที่คุณต้องการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ และเริ่มจากการพิมพ์แฮชแท็กที่คุณสนใจลงไปได้เลย ถือเป็นขั้นตอนการเริ่มต้นที่ง่ายและดีที่สุด มักจะทำให้คุณได้เจอกับอินฟลูเอนเซอร์ที่หลากหลายและไม่ซ้ำหน้า อย่าลืมที่จะเช็คยอดเอนเกจเม้นผู้มีส่วนร่วมและยอดผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์ว่าตรงกับเป้าหมายของแบรนด์คุณหรือไม่

2. ค้นพาผ่านช่องทาง Google

วิธีเบสิคที่สุดและคลาสิคที่สุดในการค้นหาอะไรสักอย่าง คือ การเข้า Google คุณสามารถใช้ Google ได้หลายวิธีเพื่อค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ให้โดนใจ คุณอาจจะเริ่มจากการพิมพ์ลงไปในช่องค้นหาเลยก็ได้ เช่น ‘แนะนำนักรีวิวสายกิน’ ‘จัดอันดับ Tiktoker’ ซึ่ง Keyword เริ่มต้นเหล่านี้มักจะนำทางคุณไปสู่อินฟลูเอนเซอร์สายที่คุณเลือกได้อย่างแน่นอน  หรือเยี่ยมชม อันดับติ๊กต๊อกไทย ของเราที่รวบรวมอินฟลูเอนเซอร์ที่มียอดผู้ติดตามสูงสุดในไทย

3. ค้นหาผ่านช่อง Youtube

YouTube ก็ยังเป็นอีกแพลตฟอร์มยอดนิยมและมีประโยชน์อย่างมากในการค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่นักรีวิวส่วนมากนิยมใช้กัน มีคอนเทนต์ทุกประเภท ละนักรีวิวที่หลากหลายให้คุณได้เลือกตามความต้องการของแบรนด์ เช่น หากคุณต้องการนักรีวิวสายท่องเที่ยว ก็อาจจะเริ่มค้นหาจาก ‘รีวิวเที่ยวเชียงใหม่’ จากนั้นคุณก็สามารถเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ถูกใจคุณได้เลย

4. ค้นหาผ่าน Marketing Agency

หากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ไหนเราแนะนำให้คุณมองหา ผู้ช่วยทางด้านการตลาดออนไลน์ ในการหาอินฟลูที่เหมาะสมที่สุดให้คุณ วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ง่ายเช่นกัน เพราะเอเจนซี่การตลาด มักมีความชำนาญและคุ้นเคยกับอินฟลูเอนเซอร์หลากหลายประเภท และที่ Sixtygram เราพร้อมนำเสนอ Influencer ที่เหมาะสมกับแบรนด์คุณที่สุด เพียงแค่คุณแอดไลน์เรามาปรึกษาได้เลย!

5. ค้นหาผ่านแพลตฟอร์ม Influencer Social

เจาะลึกไปยังแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Instagram, Facebook, Tiktok เมื่อคุณค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่คุณสนใจได้แล้ว คุณอาจจะเริ่มจากการส่งอีเมลล์ (Email) หรือทักทายไปยังช่องทางที่อินฟลูนั้นแจ้งไว้ให้ เพื่อสอบถามเรทราคาและเงื่อนไขการทำงาน เป็นการเริ่มต้นในการติดต่อ Influencer ที่ดีเลย

รายได้เฉลี่ยของอาชีพ ‘Influencer

อาชีพอินฟลูเอนเซอร์ถือว่าเป็นอาชีพที่คนรุ่นใหม่ให้สนใจและนิยมทำกันมากที่สุด เพราะเป็นการสร้างรายได้ที่เริ่มต้นง่าย ต้นทุนไม่สูงและโด่งดัง เข้าถึงคนจำนวนมากได้ไม่ยาก คุณสามารถเช็คราคาเฉลี่ยเรทการ์ด หรือ ค่าตัวของอินฟลูเอนเซอร์ปี 2024 เบื้องต้นได้จากที่นี้ คุณจะได้ประเมินเบื้องต้นได้เลยว่าหากคุณอยากจ้างงานนักรีวิวต้องเตรียมเงินจำนวนเท่าไหร่? และจะได้อินฟลูเอนเซอร์ประเภทไหน?

เงื่อนไขการทำงานของ Influencer ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่น  Scope of Work ที่ให้อินฟลูเอนเซอร์ทำ, ความ Niche (เฉพาะทาง) ของงาน, มีการ Boost Post, ซื้อขาดคอนเทนต์

Mega-Influencers (ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป)

TIKTOK: 80,000 – 300,000 บาท
FACRBOOK: 100,000 – 250,000 บาท
INSTAGRAM: 150,000 – 300,000 บาท
YOUTUBE: 300,000 – 800,000 บาท
X (TWITTER): 45,000 – 100,000 บาท

Macro-Influencers (ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000)

TIKTOK: 30,000 – 100,000 บาท
FACRBOOK: 80,000 – 150,000 บาท
INSTAGRAM: 100,000 – 200,000 บาท
YOUTUBE: 150,000 – 250,000 บาท
X (TWITTER): 30,000 – 45,000 บาท

Mid-Tier Influencers (ผู้ติดตาม 100,000 – 500,000)

TIKTOK: 10,000 – 30,000 บาท
FACRBOOK: 30,000 – 80,000 บาท
INSTAGRAM: 50,000 – 80,000 บาท
YOUTUBE: 50,000 – 80,000 บาท
X (TWITTER): 8,000 – 25,000 บาท

Micro-Influencers (ผู้ติดตาม 10,000 – 100,000)

TIKTOK: 5,000 – 10,000 บาท
FACRBOOK: 5,000 – 25,000 บาท
INSTAGRAM: 5,000 – 25,000 บาท
YOUTUBE: 15,000 – 50,000 บาท
X (TWITTER): 5,000 – 8,000 บาท

Nano-Influencers (ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000)

TIKTOK: 3,000 – 5,000 บาท
FACRBOOK: 3,500 – 5,000 บาท
INSTAGRAM: 3,500 – 5,000 บาท
YOUTUBE: 5,000 – 10,000 บาท
X (TWITTER): 2,000 – 5,000 บาท

อ้างอิงราคาปี 2024 : Tellscore

เริ่มต้นการเป็น Influencer ในปี 2024

หากคุณอ่านบทความมาจนถึงหัวข้อนี้แล้ว จนเริ่มเกิดความสนใจที่จะอยากเป็นลอง Influencers แต่จะเริ่มจากไหนดีล่ะ? การบอกเล่าเรื่องราวที่ตนเองสนใจและทำได้ดีเป็นพิเศษผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ แถมยังสร้างรายได้ได้อาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่ใกล้ตัวที่สุด ดังนั้นหากคุณอยากเริ่มเป็น Influencer เราแนะนำให้คุณลองเลือกทำตามนี้เลย

เริ่มจาก เลือกความถนัดเฉพาะทาง

การเริ่มต้นจากความถนัดเฉพาะทาง(Niche) เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผลงานหรือคอนเทนต์ของคุณทำมาจากความตั้งใจและความถนัดแล้ว นั่นแหละคือก้าวแรกสู่การเป็น Influencer ของคุณ

ขั้นตอนต่อไปอย่าลืมอัปเกรดโปรไฟล์ช่องทาง Social Media ของคุณให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การแสดงตัวตนตามสื่อออนไลน์ให้มากขึ้น ได้แก่ การเปลี่ยนบัญชีการใช้งานของคุณให้เป็นแบบธุรกิจ (Business Account)

เข้าใจผู้ชมคือหัวใจสำคัญของการเป็น Influencers

คุณต้องเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร เพื่อให้ความสำคัญและใส่ใจคุณภาพคอนเทนต์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ การที่คุณทำคอนเทนต์ที่ออกมาจากความใส่ใจและรู้ใจผู้ชมย่อมตามมาด้วยการได้รับผู้ติดตามที่ยั่งยืน สุดท้ายอย่าลืมการประกาศตัวเองในฐานะ Influencer ที่สนใจทำงานร่วมกับแบรนด์ เช่น การใส่รายละเอียดการติดต่อของคุณในช่องทางสารธารณะเพื่อให้คุณได้รับโอกาสในงานร่วมงานกับแบรนด์ต่างๆ

เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้แล้ว!

TAG ที่เกี่ยวจข้อง:
admin
ผู้เขียน AMINTRA CHAIPAK

หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Sixtygram ดำรงต่ำแหน่งทั้ง CEO และนักการตลาดผู้เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ด้าน Digital Marketing จะไม่มีวันหยุดนิ่ง และจะปรับเปลี่ยในทุกๆวัน การแสวงหาความรู้เพื่อยอดต่อในธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด