AMINTRA

18 มีนาคม 2024

OKR คืออะไร? พร้อมแนะนำวิธีการนำมาใช้ในองค์กร

Objectives and Key Results หรือ OKR คือ เครื่องมือการบริหารจัดการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในองค์กรธุรกิจต่างๆ เพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมายและติดตามความสำเร็จขององค์กร OKRs ช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายหลักได้อย่างชัดเจน และกำหนดตัวชี้วัดหลักที่จะใช้ในการประเมินผลความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายนั้น อีกทั้งต่างประเทศต่างก็หันมาใช้วิธีนี้แทนคำว่า KPI กันแล้วเนื่องจากสามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ OKRs ยังมีความแตกต่างจาก KPIs (Key Performance Indicators) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักขององค์กร KPIs มักจะเป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดผลการดำเนินงานในภาพรวมขององค์กรในระยะยาว เช่น ยอดขาย กำไรสุทธิ ส่วนแบ่งการตลาด เป็นต้น

ในขณะที่ Key Results ใน OKRs จะเป็นตัวชี้วัดเฉพาะที่ใช้วัดความสำเร็จของ Objectives หรือเป้าหมายระยะสั้นที่องค์กรตั้งไว้ Key Results จึงมีลักษณะเป็นเป้าหมายเชิงปริมาณที่กำหนดขึ้นสำหรับรอบระยะเวลาหนึ่ง ๆ เช่นไตรมาสหรือปี ดังนั้น การกำหนด OKRs และ KPIs จึงควรดำเนินการควบคู่กันไป โดย OKRs จะช่วยสร้างแรงผลักดันให้บรรลุ KPIs ซึ่งเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานระยะยาวขององค์กร การประสานการใช้ OKRs และ KPIs อย่างเหมาะสมจะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

องค์ประกอบหลักของ OKR

องค์ประกอบหลักของ OKR

การใช้ OKRs ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก ได้แก่

1. Objectives (วัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย) คือสิ่งที่องค์กรต้องการจะบรรลุ โดยวัตถุประสงค์ควรเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่สามารถบรรลุได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด

2. Key Results (ผลลัพธ์สำคัญ) คือตัวชี้วัดที่องค์กรจะใช้ในการวัดความสำเร็จของวัตถุประสงค์นั้น ตัวชี้วัดควรเป็นเชิงปริมาณ และสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน

กระบวนการ OKR มักจะดำเนินการเป็นรอบระยะเวลา เช่น ไตรมาสหรือรอบปี โดยทีมงานต่างๆ จะกำหนด OKRs ของตนเองที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ขององค์กร จากนั้นจะมีการติดตามความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินผลและปรับปรุง OKRs ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แลพการใช้ OKRs มีข้อดีหลายประการ เช่น ช่วยสร้างความชัดเจนในการกำหนดเป้าหมาย ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในทุกระดับ เพิ่มความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการบรรลุเป้าหมาย ตลอดจนเป็นเครื่องมือในการประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพ องค์กรชั้นนำจำนวนมากนำ OKRs มาใช้เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

ความแตกต่างของ OKR และ KPI

ความแตกต่างของ OKR และ KPI

OKR (Objectives and Key Results) และ KPIs (Key Performance Indicators) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการองค์กร แต่มีความแตกต่างบ้าง ดังนี้

TopicOKRsKPIs
วัตถุประสงค์หลักOKRs มุ่งเน้นไปที่การกำหนดเป้าหมายและเส้นทางในการบรรลุเป้าหมายนั้นKPIs มุ่งเน้นไปที่การวัดผลการดำเนินงานตามกลยุทธ์และเป้าหมายขององค์กร
ระยะเวลาOKRs มักถูกกำหนดเป็นรอบระยะสั้น เช่น รายไตรมาสหรือรายปีKPIs ถูกใช้ในการติดตามผลการดำเนินงานในระยะยาว
ลักษณะOKRs เป็นการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่เฉพาะเจาะจงKPIs เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักขององค์กรในภาพรวม
การวัดผลOKRs วัดระดับความสำเร็จของแต่ละเป้าหมายและผลลัพธ์KPIs วัดประสิทธิภาพและผลการดำเนินงานโดยรวมขององค์กร
ความยืดหยุ่นOKRs มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์KPIs มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดหลักขององค์กร

ดังนั้น OKRs และ KPIs จึงมีบทบาทที่แตกต่างกันแต่เสริมกันและกัน โดย OKRs จะช่วยกำหนดทิศทางและเป้าหมายระยะสั้น ในขณะที่ KPIs จะเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานระยะยาวตามกลยุทธ์ขององค์กร การบูรณาการและใช้งานควบคู่กันอย่างเหมาะสมจะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างจากแบรนด์ดังที่ใช้ OKR เครื่องมือในการวัดผล

การนำระบบ Objectives and Key Results (OKRs) มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเป้าหมายและผลการดำเนินงานองค์กร ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในบรรดาองค์กรชั้นนำทั่วโลก เนื่องจาก OKRs ช่วยสร้างความชัดเจนในการกำหนดทิศทางและวัตถุประสงค์ ตลอดจนกำหนดตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมในการประเมินผลสำเร็จ

องค์กรยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Intel และ Netflix ล้วนแต่ใช้ OKR ในวันนี้ Sixtygram จะขอยกตัวอย่างการเขียน OKRs ของ Google Chrome เจาะลึกรายละเอียดผ่าน Case Study ว่าตัวอย่าง OKRs ที่ดี และนำไปสู่ความสำเร็จได้จริงมีหน้าตาอย่างไร

OKR Google
ตัวอย่าง OKR: Google

หลังจากที่ Google กำหนด Objective ในการทำให้ Chrome กลายเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด พวกเขาก็ได้กำหนด Key Results ที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่

  1. 100 ล้านผู้ใช้งานแอคทีฟภายใน 7 วัน เพื่อแสดงถึงความเป็นเบราว์เซอร์ยอดนิยม
  2. ความเร็วของ JavaScript บน Windows และ OS X เพิ่มขึ้น 20 เท่า เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพการทำงาน
  3. แคมเปญ “Chrome Fast” เข้าถึงผู้คน 5 พันล้านคนทั่วโลก เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
  4. 100 ล้านการดาวน์โหลดผ่านการจัดจำหน่ายพรีโหลดจากผู้ผลิต เพื่อเพิ่มโอกาสการใช้งาน

การกำหนด Key Results เช่นนี้ช่วยให้ Google สามารถติดตามและวัดความสำเร็จของ Chrome ได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพ การตลาด และการจัดจำหน่าย ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุ Objectives ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า OKRs ที่ดีควรประกอบด้วย Objectives หรือวัตถุประสงค์ที่ท้าทายแต่บรรลุได้ และ Key Results ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเชิงปริมาณที่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน การกำหนด OKRs เช่นนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งสู่เป้าหมายและประสบความสำเร็จตามกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นของ OKR

จุดเด่นสำคัญของการใช้ OKRs (Objectives and Key Results) มีดังนี้

  1. ช่วยสร้างความชัดเจนในการกำหนดทิศทางและเป้าหมายองค์กร OKRs ทำให้องค์กรสามารถกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย และสื่อสารได้ตรงกัน ช่วยให้ทุกคนในองค์กรมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
  2. เพิ่มการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบของพนักงาน OKRs ส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย ซึ่งสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบในการบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
  3. สนับสนุนความโปร่งใสและการสื่อสารที่ดี การติดตามและรายงานความคืบหน้าของ OKRs ทำให้เกิดความโปร่งใสและการสื่อสารที่ดีขึ้นในองค์กร ช่วยให้ทุกคนเห็นความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคได้ชัดเจน
  4. สนับสนุนการปรับเปลี่ยนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
    OKRs มีการทบทวนและปรับปรุงเป็นระยะ จึงช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างคล่องตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และเรียนรู้จากประสบการณ์
  5. เชื่อมโยงกลยุทธ์ทุกระดับขององค์กร OKRs ช่วยสร้างความเชื่อมโยงและความสอดคล้องกันระหว่างวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ทีมงาน และบุคคล ทำให้การดำเนินงานสนับสนุนกลยุทธ์หลักขององค์กรอย่างเป็นระบบ
  6. เป็นเครื่องมือในการประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพ OKRs สร้างตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมสำหรับการประเมินผลงาน ทั้งในระดับบุคคล ทีมงาน และองค์กร ช่วยให้การประเมินผลมีความเป็นกลางและเป็นธรรมมากขึ้น

วิธีการนำ OKR มาใช้วัดผลเป้าหมายกับองค์กร

การนำระบบ Objectives and Key Results (OKRs) มาใช้ในองค์กรนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมจากทุกคนในองค์กร โดยจะต้องจัดให้มีการอบรมและสื่อสารอย่างชัดเจนถึงแนวคิด หลักการ ประโยชน์ของ OKRs รวมถึงบทบาทและความรับผิดชอบในการกำหนดและปฏิบัติตาม OKRs ของแต่ละระดับ

เมื่อมีความเข้าใจร่วมกันแล้ว ผู้บริหารระดับสูงจะเป็นผู้กำหนด Company OKRs หรือ Organizational OKRs เป็นรายไตรมาสหรือรายปี และส่งผ่าน OKRs ระดับองค์กรนี้ลงสู่ระดับแผนก/ทีมงาน เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักขององค์กร โดยพนักงานแต่ละคนควรมีส่วนร่วมในการกำหนด Individual OKRs ของตนเอง

หลังจากนั้น จะต้องมีการติดตามความคืบหน้าของ OKRs อย่างสม่ำเสมอ โดยพนักงานควรปรับปรุง OKRs ของตนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่ผู้บริหารทบทวนและปรับ Company OKRs ให้เหมาะสมตามความจำเป็น เพื่อสร้างวัฒนธรรมและบรรยากาศการทำงานแบบ OKRs ในองค์กร โดยส่งเสริมความโปร่งใสและการสื่อสารที่เปิดเผย รับฟังความคิดเห็นของพนักงาน สร้างแรงจูงใจโดยผูกโยง OKRs กับการประเมินผลงานและค่าตอบแทน และยกย่องชื่นชมผลสำเร็จของทีมและบุคคลในการบรรลุเป้าหมาย OKRs

สุดท้ายนี้ องค์กรจะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการใช้ OKRs อย่างต่อเนื่อง โดยเรียนรู้จากประสบการณ์ ปัญหาและอุปสรรคที่พบ นำมาปรับปรุงแนวปฏิบัติต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งมองหาโอกาสในการบูรณาการ OKRs เข้ากับระบบการบริหารงานอื่นๆ ขององค์กร เพื่อให้การนำ OKRs มาใช้ในองค์กรนั้นสามารถก่อให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานแบบ OKRs ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ซึ่งจะต้องอาศัยความมุ่งมั่น การสื่อสารที่ชัดเจน และความร่วมมือจากทุกฝ่ายในองค์กร

TAG ที่เกี่ยวข้อง:
admin
ผู้เขียน AMINTRA CHAIPAK

หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Sixtygram ดำรงต่ำแหน่งทั้ง CEO และนักการตลาดผู้เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ด้าน Digital Marketing จะไม่มีวันหยุดนิ่ง และจะปรับเปลี่ยในทุกๆวัน การแสวงหาความรู้เพื่อยอดต่อในธุรกิจจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด