Objectives and Key Results หรือ OKR คือ เครื่องมือการบริหารจัดการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในองค์กรธุรกิจต่างๆ เพื่อใช้ในการกำหนดเป้าหมายและติดตามความสำเร็จขององค์กร OKRs ช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายหลักได้อย่างชัดเจน และกำหนดตัวชี้วัดหลักที่จะใช้ในการประเมินผลความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายนั้น อีกทั้งต่างประเทศต่างก็หันมาใช้วิธีนี้แทนคำว่า KPI กันแล้วเนื่องจากสามารถวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ OKRs ยังมีความแตกต่างจาก KPIs (Key Performance Indicators) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักขององค์กร KPIs มักจะเป็นตัวชี้วัดที่ใช้วัดผลการดำเนินงานในภาพรวมขององค์กรในระยะยาว เช่น ยอดขาย กำไรสุทธิ ส่วนแบ่งการตลาด เป็นต้น
ในขณะที่ Key Results ใน OKRs จะเป็นตัวชี้วัดเฉพาะที่ใช้วัดความสำเร็จของ Objectives หรือเป้าหมายระยะสั้นที่องค์กรตั้งไว้ Key Results จึงมีลักษณะเป็นเป้าหมายเชิงปริมาณที่กำหนดขึ้นสำหรับรอบระยะเวลาหนึ่ง ๆ เช่นไตรมาสหรือปี ดังนั้น การกำหนด OKRs และ KPIs จึงควรดำเนินการควบคู่กันไป โดย OKRs จะช่วยสร้างแรงผลักดันให้บรรลุ KPIs ซึ่งเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานระยะยาวขององค์กร การประสานการใช้ OKRs และ KPIs อย่างเหมาะสมจะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
องค์ประกอบหลักของ OKR
การใช้ OKRs ประกอบด้วย 2 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
1. Objectives (วัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย) คือสิ่งที่องค์กรต้องการจะบรรลุ โดยวัตถุประสงค์ควรเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่สามารถบรรลุได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
2. Key Results (ผลลัพธ์สำคัญ) คือตัวชี้วัดที่องค์กรจะใช้ในการวัดความสำเร็จของวัตถุประสงค์นั้น ตัวชี้วัดควรเป็นเชิงปริมาณ และสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน
กระบวนการ OKR มักจะดำเนินการเป็นรอบระยะเวลา เช่น ไตรมาสหรือรอบปี โดยทีมงานต่างๆ จะกำหนด OKRs ของตนเองที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และกลยุทธ์ขององค์กร จากนั้นจะมีการติดตามความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินผลและปรับปรุง OKRs ให้เหมาะสมตามสถานการณ์ แลพการใช้ OKRs มีข้อดีหลายประการ เช่น ช่วยสร้างความชัดเจนในการกำหนดเป้าหมาย ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในทุกระดับ เพิ่มความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการบรรลุเป้าหมาย ตลอดจนเป็นเครื่องมือในการประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพ องค์กรชั้นนำจำนวนมากนำ OKRs มาใช้เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
ความแตกต่างของ OKR และ KPI
OKR (Objectives and Key Results) และ KPIs (Key Performance Indicators) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการองค์กร แต่มีความแตกต่างบ้าง ดังนี้
Topic | OKRs | KPIs |
---|---|---|
วัตถุประสงค์หลัก | OKRs มุ่งเน้นไปที่การกำหนดเป้าหมายและเส้นทางในการบรรลุเป้าหมายนั้น | KPIs มุ่งเน้นไปที่การวัดผลการดำเนินงานตามกลยุทธ์และเป้าหมายขององค์กร |
ระยะเวลา | OKRs มักถูกกำหนดเป็นรอบระยะสั้น เช่น รายไตรมาสหรือรายปี | KPIs ถูกใช้ในการติดตามผลการดำเนินงานในระยะยาว |
ลักษณะ | OKRs เป็นการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่เฉพาะเจาะจง | KPIs เป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักขององค์กรในภาพรวม |
การวัดผล | OKRs วัดระดับความสำเร็จของแต่ละเป้าหมายและผลลัพธ์ | KPIs วัดประสิทธิภาพและผลการดำเนินงานโดยรวมขององค์กร |
ความยืดหยุ่น | OKRs มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ | KPIs มีความยืดหยุ่นน้อยกว่า เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดหลักขององค์กร |
ดังนั้น OKRs และ KPIs จึงมีบทบาทที่แตกต่างกันแต่เสริมกันและกัน โดย OKRs จะช่วยกำหนดทิศทางและเป้าหมายระยะสั้น ในขณะที่ KPIs จะเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานระยะยาวตามกลยุทธ์ขององค์กร การบูรณาการและใช้งานควบคู่กันอย่างเหมาะสมจะช่วยให้องค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างจากแบรนด์ดังที่ใช้ OKR เครื่องมือในการวัดผล
การนำระบบ Objectives and Key Results (OKRs) มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเป้าหมายและผลการดำเนินงานองค์กร ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในบรรดาองค์กรชั้นนำทั่วโลก เนื่องจาก OKRs ช่วยสร้างความชัดเจนในการกำหนดทิศทางและวัตถุประสงค์ ตลอดจนกำหนดตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมในการประเมินผลสำเร็จ
องค์กรยักษ์ใหญ่อย่าง Google, Intel และ Netflix ล้วนแต่ใช้ OKR ในวันนี้ Sixtygram จะขอยกตัวอย่างการเขียน OKRs ของ Google Chrome เจาะลึกรายละเอียดผ่าน Case Study ว่าตัวอย่าง OKRs ที่ดี และนำไปสู่ความสำเร็จได้จริงมีหน้าตาอย่างไร
หลังจากที่ Google กำหนด Objective ในการทำให้ Chrome กลายเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด พวกเขาก็ได้กำหนด Key Results ที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่
- 100 ล้านผู้ใช้งานแอคทีฟภายใน 7 วัน เพื่อแสดงถึงความเป็นเบราว์เซอร์ยอดนิยม
- ความเร็วของ JavaScript บน Windows และ OS X เพิ่มขึ้น 20 เท่า เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพการทำงาน
- แคมเปญ “Chrome Fast” เข้าถึงผู้คน 5 พันล้านคนทั่วโลก เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
- 100 ล้านการดาวน์โหลดผ่านการจัดจำหน่ายพรีโหลดจากผู้ผลิต เพื่อเพิ่มโอกาสการใช้งาน
การกำหนด Key Results เช่นนี้ช่วยให้ Google สามารถติดตามและวัดความสำเร็จของ Chrome ได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งด้านผลิตภัณฑ์ ประสิทธิภาพ การตลาด และการจัดจำหน่าย ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุ Objectives ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่า OKRs ที่ดีควรประกอบด้วย Objectives หรือวัตถุประสงค์ที่ท้าทายแต่บรรลุได้ และ Key Results ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเชิงปริมาณที่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน การกำหนด OKRs เช่นนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถมุ่งสู่เป้าหมายและประสบความสำเร็จตามกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของ OKR
จุดเด่นสำคัญของการใช้ OKRs (Objectives and Key Results) มีดังนี้
- ช่วยสร้างความชัดเจนในการกำหนดทิศทางและเป้าหมายองค์กร OKRs ทำให้องค์กรสามารถกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้อย่างชัดเจน เข้าใจง่าย และสื่อสารได้ตรงกัน ช่วยให้ทุกคนในองค์กรมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน
- เพิ่มการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบของพนักงาน OKRs ส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย ซึ่งสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของและความรับผิดชอบในการบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
- สนับสนุนความโปร่งใสและการสื่อสารที่ดี การติดตามและรายงานความคืบหน้าของ OKRs ทำให้เกิดความโปร่งใสและการสื่อสารที่ดีขึ้นในองค์กร ช่วยให้ทุกคนเห็นความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคได้ชัดเจน
- สนับสนุนการปรับเปลี่ยนและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
OKRs มีการทบทวนและปรับปรุงเป็นระยะ จึงช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวได้อย่างคล่องตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป และเรียนรู้จากประสบการณ์ - เชื่อมโยงกลยุทธ์ทุกระดับขององค์กร OKRs ช่วยสร้างความเชื่อมโยงและความสอดคล้องกันระหว่างวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ทีมงาน และบุคคล ทำให้การดำเนินงานสนับสนุนกลยุทธ์หลักขององค์กรอย่างเป็นระบบ
- เป็นเครื่องมือในการประเมินผลงานที่มีประสิทธิภาพ OKRs สร้างตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรมสำหรับการประเมินผลงาน ทั้งในระดับบุคคล ทีมงาน และองค์กร ช่วยให้การประเมินผลมีความเป็นกลางและเป็นธรรมมากขึ้น
วิธีการนำ OKR มาใช้วัดผลเป้าหมายกับองค์กร
การนำระบบ Objectives and Key Results (OKRs) มาใช้ในองค์กรนั้นเป็นกระบวนการที่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมจากทุกคนในองค์กร โดยจะต้องจัดให้มีการอบรมและสื่อสารอย่างชัดเจนถึงแนวคิด หลักการ ประโยชน์ของ OKRs รวมถึงบทบาทและความรับผิดชอบในการกำหนดและปฏิบัติตาม OKRs ของแต่ละระดับ
เมื่อมีความเข้าใจร่วมกันแล้ว ผู้บริหารระดับสูงจะเป็นผู้กำหนด Company OKRs หรือ Organizational OKRs เป็นรายไตรมาสหรือรายปี และส่งผ่าน OKRs ระดับองค์กรนี้ลงสู่ระดับแผนก/ทีมงาน เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักขององค์กร โดยพนักงานแต่ละคนควรมีส่วนร่วมในการกำหนด Individual OKRs ของตนเอง
หลังจากนั้น จะต้องมีการติดตามความคืบหน้าของ OKRs อย่างสม่ำเสมอ โดยพนักงานควรปรับปรุง OKRs ของตนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่ผู้บริหารทบทวนและปรับ Company OKRs ให้เหมาะสมตามความจำเป็น เพื่อสร้างวัฒนธรรมและบรรยากาศการทำงานแบบ OKRs ในองค์กร โดยส่งเสริมความโปร่งใสและการสื่อสารที่เปิดเผย รับฟังความคิดเห็นของพนักงาน สร้างแรงจูงใจโดยผูกโยง OKRs กับการประเมินผลงานและค่าตอบแทน และยกย่องชื่นชมผลสำเร็จของทีมและบุคคลในการบรรลุเป้าหมาย OKRs
สุดท้ายนี้ องค์กรจะต้องมีการปรับปรุงกระบวนการใช้ OKRs อย่างต่อเนื่อง โดยเรียนรู้จากประสบการณ์ ปัญหาและอุปสรรคที่พบ นำมาปรับปรุงแนวปฏิบัติต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งมองหาโอกาสในการบูรณาการ OKRs เข้ากับระบบการบริหารงานอื่นๆ ขององค์กร เพื่อให้การนำ OKRs มาใช้ในองค์กรนั้นสามารถก่อให้เกิดวัฒนธรรมการทำงานแบบ OKRs ได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน ซึ่งจะต้องอาศัยความมุ่งมั่น การสื่อสารที่ชัดเจน และความร่วมมือจากทุกฝ่ายในองค์กร