Conversion Rate คืออะไร?
Conversion Rate คืออัตราที่จะแสดงจำนวนของผู้เข้าชมเว็บไซต์ หรือคลิกไปยังปลายทางที่คุณยิงแอดโฆษณา โดยคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ที่จากจำนวนผู้ใช้ทั้งหมดที่ “ปฎิสัมพันธ์กับเป้าหมายของโฆษณา” (เช่น คลิกลิงค์เว็บไซต์ ทักแชทข้อความ หรือ ทำการสั่งซื้อ) หารด้วยจำนวนผู้รับชมโฆษณารวมทั้งหมด
วิธีคำนวณ Conversion Rate โดยละเอียด
Conversion Rate สามารถคำนวณได้โดยนำจำนวนผู้มีปฎิสัมพันธ์กับโฆษณาของแคมเปญที่เสร็จสิ้นแล้ว หารด้วยจำนวนทั้งหมดของผู้ชมที่เห็นโฆษณานั้นๆ จากนั้นนำมาคูณด้วย 100
ยกตัวอย่างเช่น เราใช้แคมเปญโฆษณาที่มียอดผู้เข้าชม(Reach) 20,000 คน
โดยมีคน 800 คนคลิก(Action)ไปยังหน้าเว็บไซต์ต่อในปุ่มจอง
ในการคำนวณ ให้หาร 800 ด้วย 20,000 ซึ่งจะได้ค่า Conversion Rate เป็น 0.04 หรือคิดเป็น 4% เมื่อคูณด้วย 100(%) นั่นเอง
ความสำคัญของค่า Conversion Rate
Conversion Rate ถือเป็นวิธีเปรียบเทียบและประเมินประสิทธิภาพของการทำการตลาดออนไลน์ได้หลากหลายช่องทาง อย่างการยิงแอดโฆษณา โดย Conversion Rate จะมีความสำคัญอย่างมากหากทำเพื่อวีดผลกับผู้รับจ้างยิงแอด หรือนักการตลาดที่ต้องการวัดผลความสำเร็จของแต่ละแคมเปญ นอกจากนี้สำหรับผู้ประกอบการ Conversion Rate ยังสามารถใช้ในการกำหนดความคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน(ROI) เมื่อตัดสินใจจะขยายแคมเปญโฆษณาโดยใช้งบประมาณทางการตลาดให้คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี Conversion Rate ไม่ได้หมายความถึงแค่ยอดคลิกของโฆษณาเท่านั้น หากแต่ยังสามารถปรับใช้ในเครื่องมือการตลาดอื่น ๆ ได้เช่นกัน เราขอตัวอย่างเช่น การวัดผลอัตราการคลิกของปุ่มต่างๆบนแอพพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์ แอพลิเคชั่น UX/UI นำข้อมูล Conversion Rate ที่เก็บค่าได้ไปพัฒนาสินค้าและบริการให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้มากยิ่งขึ้น เมื่อเราสามารถเข้าใจและใช้ค่า Conversion Rate ได้อย่างถูกต้อง การวิเคราะห์ Conversion Rate ย่อมสามารถระบุได้ว่าการโฆษณาในช่องทางใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด หากข้อมูลค่า Conversion ที่คุณวัดได้ต่ำกว่าที่คาดไว้ ก็สามารถนำไปใช้ในการระบุปัญหา และระบุจุดที่ควรปรับปรุงของแคมเปญโฆษณาชิ้นนั้นๆ ได้อย่างแม่นยำ
การเพิ่ม Conversion Rate Optimization(CRO) ในปี 2024
ต่อไปนี้ เราจะพูดถึงวิธีการเพิ่ม Conversion Rate(CRO) ที่วัดค่าได้และวิธีที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของแคมเปญการตลาดในปี 2024 ดังนี้
1. เริ่มรวบรวมข้อมูลเพื่อวิเคราะห์
ในขั้นตอนแรกเราแนะนำให้คุณตั้งคำถามและใช้เครื่องมือวัดผลที่เว็บไซต์ปลายทางของแคมเปญโฆษณาอย่าง Google Analytics ร่วมกับ FACEBOOK PIXEL ซึ่งจะแสดงให้เห็นอัตราตีกลับ(bounce rates)และระยะเวลาที่ผู้เข้าชมอยู่ในหน้าเว็บไซต์(session) อย่างไรก็ดีเว็บไซต์ที่คุณวัดผลควรมีจำนวนผู้เข้าชมที่มากพอในการวิเคราะห์จึงจะสามารถระบุได้ว่าเหตุใด ผู้เข้าชมจึงไม่เกิดการกระทำ(Conversion)ที่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น หากคุณยิงแอดบนโซเชียลมีเดียและยังไม่มีเว็บไซต์ คุณควรรีบสร้างเพื่อจัดเก็บข้อมูลและปรับปรุงประสิทธิภาพของโฆษณา
2. ใช้ A/B testing
การทำ CRO มักเริ่มต้นที่การใช้กลยุทธ์ A/B testing กล่าวคือการทดลองแบบ A หรือ B เป็นเทคนิคที่เกิดการเปรียบเทียบระหว่าง 2 แคมเปญที่แตกต่างกัน เช่น ข้อความ Call To Action ที่ตั้งค่าไว้, ความยาวของแบบฟอร์มบนเว็บไซต์, ภาพสื่อโฆษณา ทั้งหมดที่แสดงผลให้ผู้รับชม 2 แบบเพื่อวัดผลเปรียบเทียบ ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถสังเกตได้ว่าการแคมเปญโฆษณาใดส่งผลเชิงบวกหรือเชิงลบต่อเป้าหมายของชิ้นงานโฆษณา ซึ่งสอดคล้องกับ KPI ที่คุณกำหนดหรือไม่ โดยหากแคมเปญโฆษณาใดให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า คุณจะสามารถเลือกได้ว่างบประมาณโฆษณาควรจะเป็นไปในรูปแบบใดในระยะยาวจะคุ้มค่ามากที่สุด อย่างไรก็ดี A/B testing อาจทำได้มากกว่าการเปรียบเทียบ 2 แคมเปญ เพื่อความรวดเร็วในการทดลองเราแนะนำให้คุณแบ่งแคมเปญโฆษณาเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
3. ใช้ Heatmap
การใช้ Heatmap เทคนิคการแสดงภาพตำแหน่งที่ผู้ชมมักคลิกบนเว็บไซต์ปลายทางของแคมเปญโฆษณา โดยติดตั้งตัวชี้วัด Heatmap ที่ปกติสีแดงจะแสดงให้คุณเห็นว่าผู้เข้าชมมักคลิกหรือเกิดการโต้ตอบบนเว็บไซต์บ่อยที่สุด ในขณะที่สีโทนเย็น(สีน้ำเงินหรือเขียว) จะแสดงบริเวณที่ถูกคลิกน้อยที่สุด ดังนั้น เมื่อคุณมี Heatmap คุณจะต้องนำปุ่มที่จะก่อให้เกิด Conversion ไปไว้ที่สีโซนร้อน ซึ่งทำให้ Conversion Rate มัอัตราที่เพิ่มมากขึ้นได้
4. ใช้การแสดงผลโฆษณาให้หลากหลาย
ใช้ภาพกราฟิคโฆษณาหรือวีดีโอที่มีสีสันสดใส สะดุดตาและมีความโดดเด่น เนื่องจากโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Facebook เป็นโทนสีฟ้าและขาวที่แสดงถึงความสดใสอยู่เสมอ ทั้งนี้ การใช้แคมเปญโฆษณาที่มีตัวเลือกหลากหลายอย่างแกลอรี่ภาพ หรือ Carousel Ad จะเปิดโอกาศให้ผู้เข้มชมเลือกสินค้าและบริการได้หลากหลายจนนำไปสู่การเพิ่ม Conversion Rate ของแคมเปญโฆษณาได้ในที่สุด
5. สร้างกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่เคยเห็นโฆษณาซ้ำ
การสร้างกลุ่มผู้ชมที่เคยดูโฆษณาของคุณไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ซื้อหรือยังไม่ทำให้เกิด Conversion Rate เป็นสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากประมาณ 98% ของผู้บริโภคมักไม่ตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการบนสื่อโซเชียลมีเดียอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ดังนั้น การสร้างความเชื่อมั่นอีกครั้งโดยการแสดงโฆษณาแก่กลุ่มที่เคยเห็นโฆษณาเป็นรอบที่ 2 จะทำให้ลูกค้าอาจสนใจสินค้าและบริการของคุณมากขึ้น โดยแคมเปญที่แสดงโฆษณาซ้ำครั้งต่อไปเราแนะนำให้คุณลดราคาสินค้าหรือจัดโปรโมชั่นเพื่อให้เกิด Conversion Rate ที่เพิ่มขึ้น
6. ใช้แคมเปญแนะนำพื่อน/รีวิว
ลองใช้โปรโมชั่นแนะนำเพื่อนโดยตั้งกลุ่มเป้าหมายที่ยิงแอดโฆษณาไปยังกลุ่มลูกค้าเก่าของคุณ ด้วยภาพกราฟฟิคกิจกรรมแนะนำเพื่อนมาใช้สินค้าและบริการของคุณที่น่าสนใจ และให้ราคาพิเศษกับลูกค้าเก่าที่เชื่อมั่นในตัวธุรกิจจะทำให้ Conversion Rate เพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังเป็นการสานสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าที่จะทำให้ลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้นในอนาคตจากการชังจูง