หากคุณกำลังสนใจเรื่อง SEO มาสักระยะหนึ่ง คงจะได้พบเห็นกับคำที่ว่า SEO สายขาว(White Hat SEO) อยู่จำนวนมากที่ผู้รับทำ SEO มักกล่าวถึงเมื่อมีการจ้างงาน หรือเสนองานแก่เว็บไซต์ที่กำลังทำ SEO แต่อย่างไรก็ดี ทางผู้เขียนเห็นว่าในประเทศไทยยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่จำนวนมากของทั้งนัก SEO สายขาวและ SEO สายเทา ดังนั้นในวันนี้ SixtyGram จะขอนำเสนอและอธิบายข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับวิธีการทำ SEO ทั้งสองประเภทนี้กัน
โดยเนื้อหานี้เราจะอธิบายถึง
หลักเกณฑ์สำหรับการทำ SEO

โดยทั่วไปแล้วการทำ SEO หรือ การปรับปรุงการแสดงผลบนหน้าค้นหา จะเกิดขึ้นที่ Google.com เป็นหลัก ซึ่งการทำ SEO ทุกแผนงานล้วนแต่ต้องปฎิบัติตาม หลักเกณฑ์สำหรับผู้ดูแลเว็บของ Google (Google Search Essentials) ซึ่งเปรียบเสมือนคู่มือของนักพัฒนาเนื้อหาบนเว็บไซต์ทั้งสิ้น
SEO สายเทา
เว็บไซต์ถือเป็นกลยุทธิ์ทางการตลาดที่สำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจบนหน้าการค้นหา ดังนั้น จึงมีบุคคลบางกลุ่มได้ละเมิดหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฎิบัติของเครื่องมือ Seach Engine ที่เป็นไปโดยธรรมชาติและส่งผลให้อันดับ(Ranking)ของเว็บไซต์ตนแสดงผลอยู่เหนือคู่แข่งให้รวดเร็ว ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และกระจายจำนวนให้มากที่สุด เราจึงเรียกกลุ่มวิธีการเหล่านี้ว่า SEO สายเทา หรือ Black Hat SEO

เทคนิค SEO สายเทา
- แสปมคีย์เวิร์ดสำคัญ: การเติมคำสำคัญที่ผู้คนมักจะค้นหาในจำนวนที่มากเกินไป เช่น ในหัวข้อ แท็กชื่อ หรือจุดที่สามารถพบได้ยาก ผิดหลักไวยกรณ์ และสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีแก่ผู้อ่าน
- ซ่อนเนื้อหา: นัก SEO สายเทาบางท่าน ใช้แท็ก(Tags)เพื่อซ่อนเนื้อหาบางส่วนหรือทั้งหมดที่ทำให้ผู้อ่านไม่พบเห็น หากแต่เครื่องมือค้นหาพบเห็น
- ซื้อ Blacklink: การสร้างลิงก์(Link Builder) เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องสามารถทำให้อันดับเว็บไซต์สูงขึ้นได้ ซึ่งโดยมากจะเป็นการให้การรับรองกันระหว่างเว็บไซต์ที่เนื้อหามีความน่าเชื่อถือและกล่าวถึงกันเป็นหลัก หากแต่ นัก SEO สายเทาจะใช้การซื้อลิงก์ซึ่งเป็นการละเมิดนโยบายของ Seach Engine ที่ต้องการให้การแลกเปลี่ยน Blacklink เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
- สร้างกลุ่มลิงก์ส่วนตัว: หลักการนี้จะคล้ายกับวิธีการทำ PBN คือการสร้างเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับเว็บไซต์หลักจำนวนมาก หากแต่มีการแก้ไขเนื้อหาในกลุ่มลิงก์ที่เล็กน้อย และมีการส่งลิงก์และผู้เข้าชมไปยังหน้าเว็บไซต์เดียวอย่างจงใจ
- แฮกเว็บไซต์หน่วยงานรัฐ: เว็บไซต์ของหน่วยงานรัฐที่มักลงท้ายด้วย .go.th หรือเว็บไซต์สถาบันการศึกษา .ac.th มักจะมีคะแนนค่าความน่าเชื่อถือ(authority score) ที่สูงซึ่งเหล่านัก SEO สายเทาจะแฮกเพื่อแฝงลิงก์และredirect เข้าสู่เว็บไซต์ของตนเอง
ผลของการทำ SEO สายเทา
แน่นอนว่า SEO สายเทา(Black hat SEO) จะได้รับผลลัพธิ์ที่ดีในระยะสั้น อันดับ(Ranking)และจำนวนคำค้นหาสำคัญ(Keyword)จะเห็นผลมากขึ้นในระยะเวลา 1 – 2 เดือนหลังทำตามกลยุทธิ์ของ SEO สายเทาที่ Seach Engine ยังไม่สามารถตรวจพบได้
หากแต่การทำ SEO สายเทา จะทำให้เว็บไซต์ละเมิดหลักเกณฑ์สำหรับผู้ดูแลเว็บ(Google Search Essentials) เว็บไซต์ที่ทำ SEO สายเทาจึงเข้าสู่กลุ่มเสี่ยงที่ Google จะใช้กระบวนการที่เข้มงวดตรวจจับว่าเป็นเว็บไซต์แสปม กล่าวคือ หากถูกตรวจพบเว็บไซต์ที่ทำ SEO สายเทาจะถูกทำให้การจัดอันดับต่ำลงหรือไม่แสดงในผลการค้นหาของ Google อย่างสิ้นเชิง
ในความเห็นของผู้เขียน ระบบป้องกันเว็บไซต์แสปมของ Google Seach ยังไม่สามารถตรวจพบเว็บไซต์ที่ทำ SEO สายเทาได้ทั้งหมดในปัจจุบัน หากแต่ระบบอัลกอริทึมที่ตรวจสอบเว็บไซต์แสปมและทีมงานผู้พัฒนาระบบหน้าค้นหาได้ทำงานอย่างหนักเพื่อกำจัดเนื้อหาจาก SEO สายเทาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ในอนาคตอัลกอริและทึมตรวจจับเว็บไซต์ที่ละเมิดนโยบายจะเชี่ยวชาญมากขึ้นซึ่งอาจส่งผลเสียที่ร้ายแรงต่อธุรกิจได้หากเลือกทำ SEO สายเทาเป็นทางเลือกหลัก

SEO สายขาว
SEO สายขาว หรือ White hat SEO เป็นเรื่องที่เรียบง่ายกว่า SEO สายเทามาก เทคนิคและวิธีการทำ SEO สายขาวขึ้นอยู่กับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้อ่านและผู้ใช้งานเว็บไซต์ ทั้งในด้าน UX UI เนื้อหาคุณภาพสูง และ ลิงก์เชื่อมโยงที่เป็นไปโดยธรรมชาติทางการตลาด ซึ่งเว็บไซต์ SEO สายขาวจะถูกอัปเดตและไร้ซึ่งข้อกังวลด้านการลงโทษจากเครื่องมือค้นหา ซึ่งในระยะยาวสามารถแสดงผลได้ดียิ่งขึ้น
ข้อแตกต่างที่สำคัญของ SEO สายขาว และ SEO สายเทา คือ ระยะเวลาที่เว็บไซต์จะคงอยู่บนหน้าค้นหา(Seach Engine) หากสายเทาจะเห็นผลรวดเร็วในระยะสั้น กลับกันที่สายขาวที่มักเห็นผลช้า แต่สามารถคงอยู่ในธุรกิจและเติบโตเป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ในระยะยาว
เทคนิค SEO สายขาว
เขียนเนื้อหาคุณภาพสูง
เครื่องมือค้นหาจะให้คะแนนและอันดับที่ดี แก่เว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่มีการเรียบเรียงอย่างดี และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และอ่านเข้าใจได้ง่าย หากเว็บไซต์ของคุณเต็มไปด้วยเนื้อหาคุณภาพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือประสบการณ์และความเป็นมืออาชีพของผู้ให้เนื้อหา Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ จะจัดอันดับ(Ranking)ให้อยู่เหนือคู่แข่งที่เนื้อหาคุณภาพรองลงมา
ดังนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณเป็นไปตาม หลักเกณฑ์สำหรับผู้ดูแลเว็บของ Google (Google Search Essentials) ซึ่งมีหลักเกณฑ์ย่อยได้แก่ E-E-A-T (ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ ความน่าเชื่อถือ(บุคคล) และความไว้วางใจ และสำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาด้านการเงินหรือทางการแพทย์ จะต้องปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ Google YMYL (เงินหรือชีวิตของคุณ) และ Google Medic อัปเดต
สำหรับการเขียนเนื้อหาคุณภาพสูง หากมองว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน บริษัทเอเจนซี่ SEO หลายแห่ง สามารถให้คำแนะนำแก่คุณได้ในการสร้างเนื้อหาที่มีการรวบรวมข้อมูลที่ครบถ้วน(Reseach) จัดทำแผนงาน SEO โดยเลือกใช้คำสำคัญ(Keyword) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเป็นอย่างดีโดยที่ไม่ใช่สแปม ปฎิติบัติตามหลักเกณฑ์สำหรับผู้ดูแลเว็บ(Google Search Essentials)และหลักเกณฑ์อื่น ๆ อย่างรัดกุม เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตได้โดยง่ายและมีการจัดการเป็นขั้นตอน
ค้นหาคำสำคัญให้แม่นยำ
การใช้คำสำคัญหรือคีย์เวิร์ดหลัก(Keyword)ในทางที่ผิดอาจเสี่ยงต่อการละเมิดหลักเกณฑ์ของ Seach Engine ได้เช่นกัน ดังนั้น SEO เอเจนซี่จำนวนมากจึงใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อค้นหาคำสำคัญที่ผู้คนค้นหาเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายและเป็นถ้อยคำยอดนิยม ด้วยวิธีที่แตกต่างออกไปตามกลยุทธิ์ทางการตลาด เราแนะนำให้ทำแบบเดียวกันสำหรับ SEO สายขาว รวมคำสำคัญจำนวนมากไว้ ใช้เครื่องมือพิเศษเช่น Ahrefs หรือ Ubersuggest(ฟรี) หากแต่ต้องมั่นใจว่าการใช้ Keyword นั้นๆ จะไม่เกิดเป็นแสปมที่มากเกินไป และเป็นไปอย่างมีแบบแผน (Google แนะนำว่าควรกล่าวถึงคำสำคัญไม่เกิน 3 ครั้งต่อหนึ่งเนื้อหา)
ออกแบบเว็บไซต์ให้ดี
เว็บไซต์ที่ใช้งานได้ดีกว่าและใช้งานง่ายมีแนวโน้มที่จะปรากฏในผลการค้นหามากกว่า มีหลายวิธีที่เว็บไซต์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น การเชื่อมโยงภายใน(Internal Link)ที่เข้าถึงได้ง่าย มีการระบุ มาร์กอัป Structured Data ไปจนถึงการเขียนโค้ดที่ชัดเจนและง่ายต่อ Google Bot ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นหากคุณต้องการจะไต่อันดับ(Ranking)เหนือคู่แข่ง สิ่งสำคัญคือให้ทั้งผู้ใช้(User)และเครื่องมือค้นหา(Seach Engine)เข้าถึงได้ง่าย บางกลยุทธ SEO สายขาวแนะนำใช้ Silo Structure กับเนื้อหา ตัดต่อคำให้สมบูรณ์ และพัฒนาระบบเมนูของเว็บไซต์
เปรียบเทียบ SEO สายเทา vs สายขาว
VS | SEO สายเทา | SEO สายขาว |
---|---|---|
กลยุทธ์ | กลยุทธ์ SEO เชิงรุกที่ออกแบบมาหลอกเครื่องมือค้นหา(ละเมิดหลักเกณฑ์) โดยไม่สนใจผู้อ่านเนื้อหาที่เป็นมนุษย์ | กลยุทธ์ SEO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้ผู้ชมที่เป็นมนุษย์และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของเครื่องมือค้นหาให้ถูกต้อง |
เจตนาผู้ทำ | ถูกใช้โดยนัก SEO สายเทาที่มองหาผลตอบแทนที่รวดเร็วบนเว็บไซต์ในระยะสั้น | ใช้เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการค้นหาบนเครื่องมือค้นหา ควบคู่ไปกับการรักษาเว็บไซต์ในระยะยาว |
เนื้อหา | มีเนื้อหาและคําสำคัญ(Keyword)สแปมจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงการจัดอันดับ | มีการวิเคราะห์คำสำคัญ ชื่อหัวข้อ เกริ่นนำ แท็ก ตามความเกี่ยวข้องของธุรกิจในเว็บไซต์ |
Blacklink | ซื้อลิงก์เชื่อมโยง ได้รับ Blcklink ที่ไม่เกี่ยวข้อง | ได้รับลิงก์เพราะมีเนื้อหาคุณภาพโดยธรรมชาติ |
จริยธรรม | ไร้จริยธรรมการทำ SEO | ทำ SEO อย่างมีจริยธรรม |
ผลลัพธธุรกิจ | ใช้สําหรับเป้าหมายและประโยชน์ระยะสั้น | ถูกใช้สําหรับเป้าหมายและประโยชน์ระยะยาว |
งบประมาณ | ราคาถูก | ราคาสูง |
นโยบาย | ไม่เป็นไปตามแนวทางของ Google หลบเลี่ยง และไม่ได้รับการอนุมัติจากเครื่องมือค้นหา | มอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้และปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของ Google ซึ่งได้รับการอนุมัติจากเครื่องมือค้นหา |
ผู้ใช้งาน | มักไม่เป็นไปตามเจตนาของผู้ค้นหา | เป็นไปตามเจตนาของผู้ค้นหา |
วิธีการ | ใช้ซอฟแวร์ หรือระบบที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ | ได้รับการจัดอันดับ โดยใช้มนุษย์ |
UX | ประสบการณ์ของผู้ใช้ลดลง | เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ |
บทความ | ไม่ผลิตเนื้อหาคุณภาพสูง เน้นจำนวน และมีเนื้อหาที่ซ้ํากัน | ทุ่มเทให้กับการผลิตเนื้อหาคุณภาพสูงที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน |
ความน่าเชื่อถือ | ลดคะแนนของเว็บไซต์(กรณีถูกตรวจพบ) | พัฒนาความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ |
ความเสี่ยง | มีความเสี่ยงสูง | มีความเสี่ยงต่ําหรือเป็นศูนย์ |