Programmatic SEO คือการสร้างหน้า Landing Page ที่มีข้อมูลจำนวนมากและแสดงผลตามคำค้นหาในหน้าเดียวกันโดยอัตโนมัติ Programmatic SEO มีเป้าหมายเดียวกันกับการทำ SEO แบบอื่นๆ กล่าวคือ เพื่อทำอันดับ SEO บนเครื่องมือค้นหา(SERP)ที่ผู้คนใช้ ตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีการทำ Programmatic SEO เช่น เว็บไซต์ท่องเที่ยวใช้ครื่องมืออัตโนมัติในการจัด 10 อันดับโรงแรมใกล้ฉัน เป็นต้น
SEO ปกติ vs Programmatic SEO
โดยทั่วไปแล้ว SEO ทำได้โดยการพัฒนาและปรับปรุงเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ดีและมีคุณภาพมากขึ้น Seach Engine ยอดนิยมอย่าง Google ก็จะเลือกเว็บไซต์ของคุณให้มีอันดับเหนือกว่าคู่แข่ง SEO จึงถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดระยะยาว อย่างไรก็ดีการจะทำ SEO ให้เกิดผลลัพธ์ เว็บไซต์จำเป็นจะต้องประกอบไปด้วย Landing Page และบทความที่ดีจำนวนมาก หากแต่ Programmatic SEO เป็นกระบวนการที่แตกต่างกันออกไป?
Programmatic SEO เป็นกระบวนการทำ SEO ที่เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วกว่าการทำ SEO ทั่วไป กล่าวคือ หากทำ SEO แบบ Programmatic จะเป็นวิธีที่มีการสร้างหน้า Landing Page หลายหน้าจากเลย์เอาต์(UI)หรือเทมเพลต(Template)เดียวกัน ทำให้คุณไม่ต้องเสียเวลาในการจัดทำเนื้อหา SEO ใหม่ทุกรอบที่เผยแพร่
ข้อดีและข้อเสียของ Programmatic SEO
ข้อดี
- หน้าเว็บสามารถปรับแต่งได้ง่ายขึ้น เพียงแค่แก้ไขหน้า Landing Page ไม่กี่หน้า
- สามารถจัดหมวดหมู่เนื้อหาตาม Keyword ที่ต้องการได้อย่างเป็นระบบ
- การใช้คำที่มีการค้นหาต่ำเพื่อแข่งขัน ทำให้การทำ SEO ไม่ซับซ้อนมากนััก
- เมื่อได้รับอันดับจาก Google การเพิ่มขึ้นของ Backlink จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
- การใช้คำค้นหาที่ยาว(Long Tail Keywords) จะทำให้มีโอกาศปิดการขายได้ง่ายขึ้น
Programmatic SEO เป็นวิธีการทำ SEO ที่ไม่ได้ละเมิดนโยบายของ Google หากแต่เราพบข้อเสียบางประการที่อาจทำให้วิธีนี้ไม่เหมาะกับนักทำ SEO บางกลุ่ม ดังนี้
ข้อเสีย
- การทำ SEO โดยใช้เลย์เอาต์(UI)หรือเทมเพลต(Template)เดียวกัน ต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ด
- หาปลักอิน หรือเครื่องมือที่เข้ากับเว็บไซต์สำเร็จรูปยากขึ้น
- เนื้อหา Programmatic SEO ที่ใช้ AI สร้างอาจเป็นเนื้อหาคุณภาพต่ำ
- การ Index หน้า(Page)ทั้งหมดบนเว็บไซต์ต้องใช้เวลานานจากจำนวนหน้าที่มาก
- ผู้ใช้มีหน้าที่ต้องบํารุงรักษาและตรวจสอบการทำงานของระบบอย่างต่อเนื่อง
วิธีทำ Programmatic SEO
1. ใช้ Keyword คนค้นหาต่ำ
Programmatic SEO มุ่งเน้นการทำ SEO กับคีย์เวิร์ดที่มีจำนวนผู้คนหาน้อยเป็นหลักเพื่อเพิ่มโอกาศการทำอันดับบนหน้า Seach Engine เช่น ที่พักใกล้เกาะทะลุ ที่มีจำนวนผู้ค้นหาที่ต่ำ และ th.trip.com ได้จัดทำไว้
2. เลือกคำเชื่อมโยงที่ดี
คุณต้องเข้าใจเจตนาแท้จริงของผู้ค้นหา ได้แก่
เจตนาเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์: (ใช้คำเชื่อมโยง: เข้าสู่ระบบ)
เจตนาเพื่อต้องการทราบข้อมูล: (ใช้คำเชื่อมโยง: คืออะไร)
เจตนาเพื่อเปรียบเทียบเลือกซื้อ: (ใช้คำเชื่อมโยง: ที่ดีที่สุด, ที่ถูกที่สุด)
เจตนาเพื่อสั่งซื้อ: (ใช้คำเชื่อมโยง: สั่งซื้อ, ส่งด่วน, ใกล้ฉัน)
โดย Programmatic SEO จะมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันในคำค้นหาประเภท “เจตนาเพื่อสั่งซื้อ” เป็นหลัก เนื่องจากข้อมูลที่ระบบเลย์เอาต์(UI)หรือเทมเพลต(Template)เรียกมาแสดงข้อมูลจะเป็นข้อมูลที่บอกราคา ฟังก์ชั่นการใช้งาน และรายละเอียดของสินค้าและบริการเป็นส่วนใหญ่
3. ออกแบบประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดีที่สุด
ประสบการณ์ผู้ใช้ที่เรากล่าวถึงคือ การปรับแต่งหน้า Landing Page ให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ค้นหา ใช้งานง่าย สวยงามและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ให้มากที่สุด หากมีข้อมูลมากมาย เว็บไซต์ของคุณต้องพร้อมที่จะนำทางไปยังสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด
