ในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย มีกลุ่มคนพิเศษที่สามารถชี้นำการตัดสินใจของผู้คนได้อย่างน่าทึ่ง พวกเขาคือ “อินฟลูเอนเซอร์” (Influencer) – ผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์ที่มีพลังในการสร้างกระแสและโน้มน้าวใจผู้ติดตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ จาก Instagram ถึง TikTok จาก YouTube ถึง Twitch และแม้แต่บนเวทีอภิปรายออนไลน์อย่าง Pantip หรือ Reddit อินฟลูเอนเซอร์กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการการตลาดดิจิทัล พวกเขาไม่ใช่แค่ผู้สร้างเนื้อหา แต่เป็นผู้นำความคิดที่มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้อสินค้าและบริการของผู้ติดตามนับล้าน
อินฟลูเอนเซอร์ คืออะไร?

อินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) คือ บุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดและการตัดสินใจของกลุ่มคนจำนวนมากในโลกออนไลน์ พวกเขาสร้างและแบ่งปันเนื้อหาผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Instagram, YouTube, TikTok หรือบล็อกส่วนตัว โดยมีผู้ติดตาม (Followers) ที่สนใจในความเชี่ยวชาญหรือไลฟ์สไตล์ของพวกเขา อินฟลูเอนเซอร์มีบทบาทสำคัญในการสร้างเทรนด์ แนะนำผลิตภัณฑ์ และมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการบริโภคของผู้ติดตาม ด้วยความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับแฟนคลับ พวกเขาจึงกลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ อินฟลูเอนเซอร์จึงเป็นตัวกลางสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างแบรนด์ ผู้บริโภค และเทรนด์ในยุคดิจิทัล
ประเภทของอินฟลูเอนเซอร์

การที่จะเข้าใจเรื่องอินฟลูเอนเซอร์ คืออะไรให้ครบถ้วน เราจะสามารถแบ่งประเภทของอินฟลูเอนเซอร์ ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ แบ่งตามยอดผู้ติดตาม และ แบ่งตามเนื้อหาของประเภทคอนเทนต์
1. แบ่งตามยอดผู้ติดตาม
การแบ่งประเภทอินฟลูเอนเซอร์ สามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลักได้แก่
- Mega-Influencers (ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป) มักจะเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงทางออฟไลน์อย่าง ดารา นักร้อง นักกีฬา ซึ่งได้รับการติดตามมากกว่า 1 ล้านคนบนโซเชียลมีเดียต่างๆ มีไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนและโดดเด่นจึงเป็นผู้นำเทรด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโซเชียลมีเดียในวงกว้างทั้งผู้ติดตาม และผู้บริโภคทั่วไป เหมาะสำหรับธุรกิจหรือองค์กรขนาดใหญ่เนื่องจากใช้งบประมาณในการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่สูง หากแต่ผลลัพธ์ทางการตลาดจะสามารถคาดหมายได้มากที่สุด
- Macro-Influencers (ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000 คน) Macro Influencer สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า Mega Influencer มีผู้ติดตามรองลงมาจาก Mega แค่เล็กน้อย มักเป็น ดารา เน็ตไอดอล นักกีฬา หรือยูทูปเบอร์เฉพาะทาง (Niche) ซึ่งอาจจะมีความสามารถในการสร้าง Brand Awareness ต่อกลุ่มผู้ติดตามได้ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดกลาง – ใหญ่ ที่ต้องการประชาสัมพันธ์ทางการตลาดที่แม่นยำ
- Mid-Tier Influencers (ผู้ติดตาม 100,000 – 500,000 คน อินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้อาจจะไม่ใช่ระดับ ดารา เซเลป แต่ก็ยังเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (influencer) ประเภทที่ทรงพลัง และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ติดตาม Mid-Tier Influencers สามารถเข้าถึงทางแบรนด์และผู้ติดตามได้อย่างเป็นวงกว้าง การเป็นอิลฟลูของ Mid-Tier อาจจะเริ่มสร้างมาจาก Nano Influencers ซึ่งอาจจะทำให้อินฟลูประเภทนี้มีประสบการณ์อย่างมากในการโปรโมทสินค้า เหมาะสำหรับธุรกิจร้านค้าออนไลน์ ที่ต้องการผลักดันยอดขาย
- Micro-Influencers (ผู้ติดตาม 10,000 – 100,000 คน) อินฟลูเอนเซอร์ประเภทนี้ มักเป็นผู้มีชื่อเสียงในความรู้เฉพาะตัวหรือเฉพาะด้าน มีความชอบส่วนตัว รู้จริงในด้านที่เขาสนใจ ซึ่งมักมีผู้ติดตามที่เป็นสาวกในเรื่องนั้น และมีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กันมาติดตาม อินฟลูประเภท Micro มักเข้าถึงได้ง่าย สร้างคอนเทนต์ออกมาตอบโจทย์ผู้ติดตามได้อย่างดี ซึ่งแบรนด์ต่างๆ มักเลือกใช้ Micro-Influencers เพราะถือว่ามีประสิทธิภาพอย่างมากในแง่ของการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ และความไว้วางใจ เหมาะสำหรับธุรกิจและร้านค้าขนาดเล็กที่เน้นการกระจายกลุ่มเป้าหมาย(แคมเปญ)ให้มากที่สุด โดยใช้อินฟลูเอนเซอร์ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย
- Nano-Influencers (ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000 คน) ด้วยจำนวนผู้ติดตามที่น้อยที่สุด ซึ่งอาจจะเริ่มจากคนทั่วไปที่มีชื่อเสียงและเป็นที่จดจำในกลุ่มคนรู้จัก เพื่อน หรือกลุ่มสังคมใดสังคมหนึ่ง อาจจะเป็น ดาวมหาลัย หัวหน้าห้อง หรือกลุ่มเพื่อนที่ชอบทำคอนเทนต์ด้วยกัน สำหรับอินฟลูสาย Nano นั้น เรามักจะสัมผัสได้ถึงความเป็นกันเอง ความเรียล และเข้าถึงได้ง่าย เป็นการสร้างเอนเกจเม้น Engagement) ที่ดี เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจที่ต้องการสร้างตัวตนและการรับรู้(Brand Awareness)ทางการตลาดออนไลน์
2. แบ่งตามประเภทของคอนเทนต์
อินฟลูเอนเซอร์ในละประเภทนั้น ย่อมทำคอนเทนต์ออกมาแตกต่างกันออกไปตามความถนัดและกลุ่มเป้าหมายของตนเอง ดังนี้
อินฟลูเอนเซอร์สายไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Influencer)
อินฟลูสายไลฟ์สไตล์ นับว่าเป็นคอนเทนต์ที่ยอดนิยมมากที่สุด มักรวมคอนเทนต์หลากหลายแบบไว้ในคนเดียว ซึ่งอินฟลูประเภทนี้อาจจะ ถ่ายทอดเรื่องราวของตัวเองออกมาในหลากหลายแบบ เช่น ท่องเที่ยว เลี้ยงแมว แฟชั่น อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวในชีวิตประจำวัน เช่น
อินฟลูเอนเซอร์สายบิวตี้ (Beauty Influencer)
อินฟลูสายบิวตี้ หรือ Beauty Blogger อินฟลูสายนี้ส่วนใหญ่จะนำเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับความสวยความงาม ไม่ว่าจะด้าน การแต่งหน้า, การทำผม การแนะนำสกินแคร์ ไลฟ์สไตล์อื่น ๆ เช่น
อินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยว (Travel Influencer)
อินฟลูสายท่องเที่ยวมักจะถ่ายทอดเรื่องราวคอนเทนต์ของตนเองออกมา ในรูปแบบแนะนำการเดินทางซึ่งมีตั้งแต่การแบคแพค การท่องเที่ยวแบบหรูหรา การท่องเที่ยวในฤดูกาลต่าง ๆ การรีวิวสถานที่ท่องเที่ยว และรวมทั้งคำแนะนำในการเลือกที่พัก ร้านอาหารยอดนิยม และสายการบิน เช่น
อินฟลูเอนเซอร์สายกิน (Food Influencer)
อินฟลูสายกิน วงการฟู้ดบล็อกเกอร์อาจเป็นคนทั่วไป ดารา ไอดอลหรือผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่ได้รับความนิยมหรือการยอมรับจากคนจำนวนมากและมีความสามารถใจการชักจูงให้ผู้ติดตามไป ตามกิน ตามช้อปอาหาร หรือ ของกินประเภทต่างๆได้ เช่น
การเลือกใช้ Influencer ให้ได้ผลลัพท์สูงสุด

การตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer Marketing) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกลยุทธ์หลักในโลกการตลาดออนไลน์ยุคปัจจุบัน บทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการรีวิวสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) และกระตุ้นยอดขายอีกด้วย
การเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ใช่ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเวลาและงบประมาณ แต่ยังช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างตรงจุด ด้วยประสบการณ์จากผลงานด้าน KOLs ที่ผ่านมา เราพบว่าการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมสามารถสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและยั่งยืนให้กับธุรกิจของคุณได้อย่างแท้จริง
ประโยชน์ของการใช้ Influencer
- เพิ่มการรับรู้ถึงแบรนด์: ยิ่งนักรีวิวเผยแพร่สินค้าและบริการของคุณออกสู่โลกออนไลน์มากเท่าไหร่ แบรนด์ของคุณย่อมสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้ติดตามได้ มักจะเหมาะกับแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ที่อยากเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
- เจาะกลุ่มตลาดใหม่: การเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์อาจจะทำให้คุณเจาะลึกหรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะทางมากขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Bulldog จากประเทษอังกฤษ ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ชาย เลือกใช้แพลตฟอร์ม Tiktok+อินฟลูเอนเซอร์ ในการโปรโมทแบรนด์ ซึ่งแคมเปญนี้มีการแสดงผลถึง 29.8 ล้านครั้งและยอดขายเพิ่มขึ้น 5%-10%
- เพิ่มการติดตามโซเชียลมีเดีย: นี่คือขั้นแรกของการเริ่มสร้างแบรนด์ของคุณ เมื่อนักรีวิวผู้ถึงแบรนด์ของคุณผ่านการรีวิวในรูปแบบต่างๆ มีแนวโน้มที่ผู้ติดตามของนักรีวิวเหล่านั้นมักจะตามไปติดตามแบรนด์ของคุณด้วย
- ได้รับความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ: เมื่อมีคนพูดถึงคุณในเชิงบวกผ่านการถ่ายทอดคอนเทนต์ที่หลากหลาย มักช่วยให้คุณได้รับชื่อเสียงที่ดีในโลกออนไลน์ได้ อินฟลูเอนเซอร์มักพูดถึงคุณและสนับสนุนแบรนด์ของคุณ การเริ่มต้นจากความน่าเชื่อถือนี้จะทำให้คุณมี Brand Awareness ที่ยั่งยืน
- เพิ่มการมีตัวต้นบนหลาย platform: ถ้าจะพูดให้เห็นภาพที่สุดก็คือ การที่คุณไม่ได้มีช่องทางของแบรนด์คุณในช่องทาง Tiktok แต่เมื่อคุณใช้อินฟลูเอนเซอร์รีวิวสินค้าและบริการ คุณก็จะมีตัวตนในแพลตฟอร์มนั้นๆ ขึ้นมาได้ทันที โดยที่คุณไม่ต้องมีบัญชีของแบรนด์คุณเลยด้วยซ้ำ การเลือกใช้ Influencer จึงเป็นหนึ่งในวิธีการที่จะหาแบรนด์ไปอยู่ใน platform ที่ไม่เคยไป
วิธีการหาอินฟลูเอนเซอร์

เมื่อคุณทราบถึงประเภทของอินฟลูเอนเซอร์และสายคอนเทนต์ที่คุณต้องการแล้ว แต่คุณจะหาอินฟลูเอนเซอร์ได้จากที่ไหนละ? ซึ่งการหาอินฟลูเอนเซอร์อาจจะต้องคัดสรรอินฟลูที่สามารถส่งผลต่อแบรนด์ไปในทางบวกด้วย เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data) ยอดผู้ติดตาม (Follower) ยอดไลก์ (Like) หรือยอดแชร์ (Share) เราอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ จาก
1. ค้นหาผ่านแฮชแท็ก #
อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าในสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์สายไหน ผู้คนทั่วไปหรืออินฟลูเอนเซอร์ก็มักจะติดแฮชแท็กไม่ว่าจะเป็น #Fyp #Pov #ติดเทรนด์ #รีวิวอาหาร ซึ่งวิธีการหาอินฟลูเบื้องต้น คุณสามารถเริ่มจากการเข้าไปยังแพลตฟอร์มที่คุณต้องการเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์ และเริ่มจากการพิมพ์แฮชแท็กที่คุณสนใจลงไปได้เลย ถือเป็นขั้นตอนการเริ่มต้นที่ง่ายและดีที่สุด มักจะทำให้คุณได้เจอกับอินฟลูเอนเซอร์ที่หลากหลายและไม่ซ้ำหน้า อย่าลืมที่จะเช็คยอดเอนเกจเม้นผู้มีส่วนร่วมและยอดผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์ว่าตรงกับเป้าหมายของแบรนด์คุณหรือไม่
2. ค้นพาผ่านช่องทาง Google
วิธีเบสิคที่สุดและคลาสิคที่สุดในการค้นหาอะไรสักอย่าง คือ การเข้า Google คุณสามารถใช้ Google ได้หลายวิธีเพื่อค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ให้โดนใจ คุณอาจจะเริ่มจากการพิมพ์ลงไปในช่องค้นหาเลยก็ได้ เช่น ‘แนะนำนักรีวิวสายกิน’ ‘จัดอันดับ Tiktoker’ ซึ่ง Keyword เริ่มต้นเหล่านี้มักจะนำทางคุณไปสู่อินฟลูเอนเซอร์สายที่คุณเลือกได้อย่างแน่นอน หรือเยี่ยมชม อันดับติ๊กต๊อกไทย ของเราที่รวบรวมอินฟลูเอนเซอร์ที่มียอดผู้ติดตามสูงสุดในไทย
3. ค้นหาผ่านช่อง Youtube
YouTube ก็ยังเป็นอีกแพลตฟอร์มยอดนิยมและมีประโยชน์อย่างมากในการค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ เป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่นักรีวิวส่วนมากนิยมใช้กัน มีคอนเทนต์ทุกประเภท ละนักรีวิวที่หลากหลายให้คุณได้เลือกตามความต้องการของแบรนด์ เช่น หากคุณต้องการนักรีวิวสายท่องเที่ยว ก็อาจจะเริ่มค้นหาจาก ‘รีวิวเที่ยวเชียงใหม่’ จากนั้นคุณก็สามารถเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ถูกใจคุณได้เลย
4. ค้นหาผ่าน Marketing Agency
หากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มจากที่ไหนเราแนะนำให้คุณมองหา ผู้ช่วยทางด้านการตลาดออนไลน์ ในการหาอินฟลูที่เหมาะสมที่สุดให้คุณ วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีที่ง่ายเช่นกัน เพราะเอเจนซี่การตลาด มักมีความชำนาญและคุ้นเคยกับอินฟลูเอนเซอร์หลากหลายประเภท และที่ Sixtygram เราพร้อมนำเสนอ Influencer ที่เหมาะสมกับแบรนด์คุณที่สุด เพียงแค่คุณแอดไลน์เรามาปรึกษาได้เลย!
5. ค้นหาผ่านแพลตฟอร์ม Influencer Social
เจาะลึกไปยังแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Instagram, Facebook, Tiktok เมื่อคุณค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่คุณสนใจได้แล้ว คุณอาจจะเริ่มจากการส่งอีเมลล์ (Email) หรือทักทายไปยังช่องทางที่อินฟลูนั้นแจ้งไว้ให้ เพื่อสอบถามเรทราคาและเงื่อนไขการทำงาน เป็นการเริ่มต้นในการติดต่อ Influencer ที่ดีเลย
รายได้เฉลี่ยของอาชีพ Influencer

อาชีพอินฟลูเอนเซอร์ถือว่าเป็นอาชีพที่คนรุ่นใหม่ให้สนใจและนิยมทำกันมากที่สุด เพราะเป็นการสร้างรายได้ที่เริ่มต้นง่าย ต้นทุนไม่สูงและโด่งดัง เข้าถึงคนจำนวนมากได้ไม่ยาก คุณสามารถเช็คราคาเฉลี่ยเรทการ์ด หรือ ค่าตัวของอินฟลูเอนเซอร์ปี 2024 เบื้องต้นได้จากที่นี้ คุณจะได้ประเมินเบื้องต้นได้เลยว่าหากคุณอยากจ้างงานนักรีวิวต้องเตรียมเงินจำนวนเท่าไหร่? และจะได้อินฟลูเอนเซอร์ประเภทไหน?
เงื่อนไขการทำงานของ Influencer ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่าง เช่น Scope of Work ที่ให้อินฟลูเอนเซอร์ทำ, ความ Niche (เฉพาะทาง) ของงาน, มีการ Boost Post, ซื้อขาดคอนเทนต์
Mega-Influencers (ผู้ติดตาม 1,000,000 คนขึ้นไป)
TIKTOK: 80,000 – 300,000 บาท
FACRBOOK: 100,000 – 250,000 บาท
INSTAGRAM: 150,000 – 300,000 บาท
YOUTUBE: 300,000 – 800,000 บาท
X (TWITTER): 45,000 – 100,000 บาท
Macro-Influencers (ผู้ติดตาม 500,000 – 1,000,000)
TIKTOK: 30,000 – 100,000 บาท
FACRBOOK: 80,000 – 150,000 บาท
INSTAGRAM: 100,000 – 200,000 บาท
YOUTUBE: 150,000 – 250,000 บาท
X (TWITTER): 30,000 – 45,000 บาท
Mid-Tier Influencers (ผู้ติดตาม 100,000 – 500,000)
TIKTOK: 10,000 – 30,000 บาท
FACRBOOK: 30,000 – 80,000 บาท
INSTAGRAM: 50,000 – 80,000 บาท
YOUTUBE: 50,000 – 80,000 บาท
X (TWITTER): 8,000 – 25,000 บาท
Micro-Influencers (ผู้ติดตาม 10,000 – 100,000)
TIKTOK: 5,000 – 10,000 บาท
FACRBOOK: 5,000 – 25,000 บาท
INSTAGRAM: 5,000 – 25,000 บาท
YOUTUBE: 15,000 – 50,000 บาท
X (TWITTER): 5,000 – 8,000 บาท
Nano-Influencers (ผู้ติดตาม 1,000 – 10,000)
TIKTOK: 3,000 – 5,000 บาท
FACRBOOK: 3,500 – 5,000 บาท
INSTAGRAM: 3,500 – 5,000 บาท
YOUTUBE: 5,000 – 10,000 บาท
X (TWITTER): 2,000 – 5,000 บาท
อ้างอิงราคาปี 2024 : Tellscore
วิธีเริ่มต้นเป็น Influencer ในปี 2024
คุณเคยสงสัยไหมว่าการเป็น Influencer นั้นเริ่มต้นอย่างไร? หากคุณกำลังอ่านบทความนี้ แสดงว่าคุณอาจกำลังสนใจที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้ การเป็น Influencer ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายเสียทีเดียว มันต้องอาศัยความพยายาม ความอดทน และกลยุทธ์ที่ดี
ก่อนอื่น คุณต้องค้นหาสิ่งที่คุณรักและเชี่ยวชาญจริงๆ นี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด ลองนึกดูว่าอะไรคือสิ่งที่คุณสามารถพูดคุยได้ไม่รู้จบ หรืออะไรที่คุณชอบทำแม้ไม่มีใครจ้าง นั่นแหละคือ “ความถนัดเฉพาะทาง” หรือ Niche ของคุณ อาจจะเป็นการทำอาหาร การแต่งหน้า การเล่นเกม หรือแม้แต่การให้คำปรึกษาด้านการเงิน เมื่อคุณเลือก Niche ได้แล้ว คุณจะสามารถสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจได้อย่างต่อเนื่อง
ต่อมา คุณต้องปรับแต่งโปรไฟล์โซเชียลมีเดียของคุณให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น เริ่มจากการเปลี่ยนบัญชีของคุณเป็นแบบธุรกิจ ซึ่งจะทำให้คุณเข้าถึงเครื่องมือวิเคราะห์และฟีเจอร์พิเศษต่างๆ ได้ ใช้รูปโปรไฟล์ที่ดูดีและสะท้อนตัวตนของคุณ เขียนชีวประวัติสั้นๆ ที่บอกว่าคุณคือใคร เก่งอะไร และมีความหลงใหลในเรื่องอะไร อย่าลืมใส่ข้อมูลการติดต่อที่ชัดเจนด้วย เผื่อมีโอกาสในการทำงานร่วมกับแบรนด์ต่างๆ การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นสิ่งสำคัญมาก คุณต้องรู้ว่าคนที่ติดตามคุณเป็นใคร พวกเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ลองสังเกตว่าเนื้อหาแบบไหนที่ได้รับการตอบรับที่ดี แล้วปรับแต่งเนื้อหาของคุณให้ตรงกับความต้องการของพวกเขา อย่าลืมสร้างการมีส่วนร่วมด้วยการถามคำถามและรับฟังความคิดเห็นของผู้ติดตามด้วย

การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นหัวใจสำคัญของการเป็น Influencer ลองวางแผนปฏิทินเนื้อหาล่วงหน้า ใช้เครื่องมือตัดต่อที่ดีเพื่อสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ ทดลองรูปแบบเนื้อหาที่หลากหลาย ทั้งวิดีโอ รูปภาพ และบทความ ติดตามเทรนด์และปรับใช้ให้เข้ากับ Niche ของคุณ แต่อย่าลืมรักษาความเป็นตัวของตัวเองไว้ด้วย การสร้างเครือข่ายและร่วมมือกับ Influencer อื่นก็เป็นสิ่งสำคัญ ลองมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของ Influencer อื่นในสาขาเดียวกัน แสดงความคิดเห็น แชร์โพสต์ที่น่าสนใจ หรือแม้แต่เสนอความร่วมมือในการสร้างเนื้อหาร่วมกัน การเข้าร่วมกิจกรรมหรืองานอีเวนท์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของคุณก็เป็นโอกาสดีในการสร้างคอนเนคชั่น
เมื่อคุณเริ่มมีฐานผู้ติดตามที่มั่นคงแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเปิดรับโอกาสในการทำงานกับแบรนด์ต่างๆ แสดงความสนใจในการทำงานร่วมกับแบรนด์อย่างชัดเจนในโปรไฟล์ของคุณ สร้าง Media Kit ที่แสดงถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคุณและผู้ติดตาม อย่ากลัวที่จะติดต่อแบรนด์ที่คุณสนใจโดยตรง นำเสนอไอเดียการร่วมงานที่น่าสนใจ แต่จำไว้ว่าควรเลือกทำงานกับแบรนด์ที่สอดคล้องกับค่านิยมและภาพลักษณ์ของคุณ เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้ติดตาม สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการเป็น Influencer ไม่ใช่เรื่องที่จะประสบความสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน มันต้องใช้เวลา ความอดทน และความมุ่งมั่น แต่ถ้าคุณยึดมั่นในความเป็นตัวของตัวเอง สร้างคุณค่าให้กับผู้ติดตาม และไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเอง คุณก็จะสามารถสร้างอาชีพที่น่าตื่นเต้นและมีความหมายในฐานะ Influencer ได้อย่างแน่นอน