WordPress คืออะไร?
WordPress(เวิร์ดเพรส) คือชื่อเรียกของเครื่องมือสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปที่มีระบบจัดการภายใน(CMS)ครบครัน โดยเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งลงบนโฮสติ้ง ปรับแต่งรูปลักษณ์และเพิ่มเนื้อหาของเว็บไซต์ ควบคู่กับการใช้ “ธีม(Theme)” หรือ “ปลักอิน(plugin)” สำเร็จรูป ทำให้ WordPress เป็นเครื่องมือเหมาะสำหรับการสร้างเว็บไซต์ทุกรูปแบบที่เน้นความง่ายดายสะดวกและรวดเร็ว เช่น เว็บบล็อก เว็บไซต์ทางธุรกิจ(Service) และเว็บร้านค้าปลีกที่ใช้ Plugin Woocomerce ในการบริหารจัดการ เป็นต้น

ปัจจุบัน มากกว่า 43% หรือกว่า 810 ล้านเว็บไซต์ทั้งหมดบนอินเตอร์เน็ตล้วนสร้างขึ้นจาก WordPress ซึ่งถือเป็น 65% ของส่วนแบ่งการตลาดระบบจัดการเว็บไซต์สำเร็จรูป(CMS)เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่าง Wix, Joomla, Shopify และอื่นๆ

ตัวอย่างเว็บไซต์ชื่อดังที่ใช้ WordPress เช่น Whitehouse.gov(ทำเนียบขาว), Microsoft, unicef และGRAB เป็นต้น
WordPress ใช้งานฟรี

WordPress ถือเป็นซอฟแวร์ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส(open-source) ที่ผู้นำไปใช้งานสามารถปรับแต่ง ดัดแปลงและแก้ไขได้ฟรีทุกประการ เหตุผลที่ WordPress เปิดให้ดาวน์โหลดฟรีและใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายนั่นก็เพราะว่าทางผู้พัฒนา WordPress เองต้องการให้เหล่านักพัฒนาอิสระสามารถต่อยอดงานของตนอย่างไรข้อจำกัด ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้ WordPress กลายเป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี แม้ตัว WordPress เองจะสามารถใช้งานได้ฟรี หากแต่บางธีม(Theme) หรือ ปลักอิน(plugin) ที่เป็นส่วนเสริมสำเร็จรูปในการพัฒนาเว็บไซต์อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของระบบธีมและปลักอินที่เลือกใช้ควบคู่กับตัว WordPress
เริ่มต้นใช้งาน WordPress กันเลย
การเริ่มสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องโค้ดหรือมีทักษะโปรแกรมมิ่งแต่อย่างใด เนื่องด้วย WordPress เป็นเครื่องมือ Zero-code คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ได้ภายในไม่กี่คลิก เพียงปฎิบัติตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

- ดาวน์โหลดไฟล์ WordPress จาก https://wordpress.org/download/
- ติดตั้ง WordPress บนโฮสติ้ง Web Server ของคุณ ซึ่งในบางโฮสติ้งจะมี WP Toolkit ที่สามารถติดตั้ง WordPress ได้ในคลิกเดียว เช่น HOSTNEVERDIE และ HostAtom
- เริ่มใช้งาน WordPress ด้วยธีมและปลักอินได้ทันที
เมื่อติดตั้ง WordPress เสร็จสิ้น คุณสามารถเพิ่มส่วนประกอบของ WordPress ที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็น ธีม หรือ ปลักอิน ที่ใช้สำหรับเป้าหมายในการสร้างเว็บไซต์ขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของ WordPress
ข้อดี WordPress
1. ง่ายต่อการติดตั้ง

WordPress เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ด้วยตนเอง เพียงคลิกดาวน์โหลดไฟล์และติดตั้ง WordPress เข้าสู่โฮสติ้ง ซึ่งผู้ใช้งาน WordPress ไม่จำเป็นจะต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโค้ดหรือทักษะโปรแกรมมิ่งมาก่อน
2. ใช้งานง่าย

ตัวระบบหลังบ้านของ WordPress ออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้ทั่วไป ด้วยดีไซน์ UI ของเครื่องมือปรับแต่งหน้าเว็บที่เข้าใจง่าย เพียงลากเม้าส์และวางบล็อกคุณก็จะได้เว็บไซต์พร้อมใช้งานจากดีไซน์ของตัวคุณเอง ทั้งยังมีคู่มือสำหรับธีมและปลักอินที่เลือกใช้งานให้ศึกษาเสมอ
3. ราคาถูกและคุ้มค่า
WordPress เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการสร้างเว็บไซต์ด้วยตนเองแบบประหยัด เพียงคลิกดาวน์โหลดไฟล์และติดตั้ง WordPress เข้าสู่โฮสติ้ง ซึ่งผู้ใช้งาน WordPress ไม่จำเป็นจะต้องมีความรู้เรื่องการเขียนโค้ดหรือทักษะโปรแกรมมิ่งมาก่อน
4. ทำ SEO ให้อันดับที่ดีกว่า
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ WordPress ได้รับความนิยมเนื่องจากเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดยใช้ระบบ CMS ของ WordPress เป็นมิตรต่อการจัดอันดับ SEO เนื่องจากเว็บไซต์จำนวนมากใช้งาน WordPress ทำให้ Google bot คุ้นเคยกับระบบภายในเว็บไซต์และอัลกอริทึ่มของ Google Seach Engine จะเข้าถึงและเข้าใจจัดอันดับเว็บไซต์ที่ทำด้วย WordPress ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
5. ปรับแต่งได้ดั่งใจต้องการ

เว็บไซต์ที่พัฒนาด้วย WordPress เปิดกว้างให้ผู้พัฒนาอิสระเพิ่มสามารถธีมหรือปลักอินอย่างไร้ข้อจำกัด เช่น
- หากคุณต้องการดีไซน์เว็บไซต์ที่พร้อมใช้งานทันที เพียงเลือกซื้อจาก themeforest.net
- หากคุณต้องการเว็บไซต์จองคิว สามารถใช้ปลักอิน Amelia booking
- หากคุณต้องการให้ลูกค้าติดต่อด้วยแบบฟอร์ม สามารถใช้ปลักอิน Contact Form
- หากคุณต้องการเว็บไซต์ร้านค้าปลีกออนไลน์ สามารถใช้ปลักอิน WooCommerce
ปัจจุบัน WordPress มีธีมฟรีให้เลือกมากกว่า 5,000 ธีม และกว่า 50,000 ปลักอิน ที่มาจากผู้พัฒนาอิสระในระบบ ทำให้มั่นใจได้ว่าการใช้ WordPress จะสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับประเภทเว็บไซต์ทุกรูปแบบได้
ข้อเสีย WordPress
1. การบำรุงรักษาทำได้ยาก
หนึ่งในข้อเสียสำคัญของ WordPress คือการที่ระบบทั้งหมดแทบจะเป็นแบบสำเร็จรูป เมื่อเกิดปัญหากับรหัสต้นฉบับ(Source code) หรือเกิดการทำงานที่ผิดพลาดระหว่างปลักอินขึ้น คุณจำเป็นจะต้องใช้ทักษะด้านโปรแกรมมิ่งในการแก้ไข ดังนั้น แม้การสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress เป็นเรื่องง่าย หากแต่การบำรุงรักษานั้นเป็นเรื่องยาก
2. มีข้อจำกัดด้านการพัฒนาที่ซับซ้อน
เมื่อ WordPress ถูกออกแบบมาให้เป็นเว็บไซต์สำเร็จรูปที่สามารถใช้ธีมและปลักอินเป็นฟังก์ชั่นต่อขยาย การสร้างเว็บไซต์โดยต้องการฟีเจอร์ที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงนั้นเป็นเรื่องยาก เนื่องจากธีมและปลักอินที่ออกแบบมาเพื่อ WordPress จะเน้นไปที่ฟีเจอร์การทำงานแบบกว้างและเป็นระบบพื้นฐานทั่วไปเป็นหลัก กล่าวคือ หากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจที่ต้องการเว็บไซต์ที่มีระบบซับซ้อนและเฉพาะกลุ่ม(Niche) การเลือกเว็บไซต์ที่เขียนด้วยโค้ดจะตอบโจทย์การทำงานมากกว่า
3. ไม่สามารถย้ายเว็บไซต์ข้ามแพลตฟอร์มได้
หากคุณต้องการย้ายเว็บไซต์ที่ใช้ระบบ WordPress ไปยังระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปอื่น Wix, Joomla, Shopify เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ WordPress ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก WordPress มักจัดเก็บเนื้อหาของเว็บไซต์เป็นระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์(Relational Database) ซึ่งยากต่อการดัดแปลง
4. เว็บไซต์ช้าลงหากใช้ปลักอินจำนวนมาก
โดยทั่วไปแล้ว หากคุณต้องการเว็บไซต์ WordPress ที่มีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย ก็ย่อมต้องติดตั้งปลักอินในจำนวนที่มากขึ้น หากแต่การติดตั้งปลักอินจำนวนมากจะทำให้เว็บไซต์ของคุณช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ในบางกรณีคุณอาจต้องการใช้งานเพียงฟังก์ชั่นเดียวของปลักอินนั้นๆ หากแต่คุณจำเป็นจะต้องเปิดการทำงานของระบบปลักอินทั้งหมดไว้ตลอดเวลา